“หลานม่า” ทำการตลาดอย่างไร ? ถึงได้ 100 ล้านภายใน 4 วัน !
“หลานม่า” ภาพยนตร์ไทยแนวดราม่าจากค่าย GDH เข้าฉายเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์กวาดรายได้กว่า 100 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 4 วัน ทั้งนี้ นอกจากความกลมกล่อมของบทภาพยนตร์ การแสดงอันน่าทึ่งของทีมนักแสดง และวิธีการเล่าเรื่องของผู้กำกับ กลยุทธ์การทำการตลาดของเรื่องนี้ ก็เป็นอีกกุญแจสำคัญที่ช่วยให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว !
บทความนี้จึงขอรวบรวมวิธีการตลาดของภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ว่าจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูพร้อมกันข้างล่างนี้
ขอบคุณภาพจาก Facebook GDH
Table of Contents
เรื่องย่อ “หลานม่า”
“เอ็ม” หนุ่มวัย 22 ปี ตัดสินใจดร็อปเรียนปีสี่ เพื่อหวังเส้นทางสายแคสต์เกม แต่ด้วยความไร้จุดหมายในชีวิต เขาจึงวางแผนหาทางรวยทางลัดโดยอาสาไปดูแลอาม่าวัย 70 กว่าปีที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย หวังจะได้รับมรดกบ้านหลักล้านบาท
แม้สองวัยต่างกันถึง 50 ปี แต่เอ็มและอาม่าต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้ง แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น ความห่วงใย และความผูกพันที่เริ่มเกิดขึ้น เอ็มได้เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากอาม่าเกี่ยวกับความรัก ความสูญเสีย และคุณค่าของครอบครัว ทำให้เขาเปลี่ยนแปลงตัวเอง มองชีวิตในแง่ดี และพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหา
“หลานม่า” เป็นภาพยนตร์ไทยที่ถ่ายทอดเรื่องราวครอบครัวอบอุ่น สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับอาม่า จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม
ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” (2024)
ภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” กำกับโดย “จิม ไทยวงศ์” นำแสดงโดย “บิวกิ้น พุฒิพงศ์” และ “แต๋ว อุษา เสมคำ” ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามทั้งด้านรายได้และกระแสตอบรับ ดังนี้
รายได้ :
- กวาดรายได้กว่า 100 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 4 วัน หลังเข้าฉาย ถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้เร็วที่สุดในรอบ 2 ปี
- กวาดรายได้รวมทั่วประเทศทะลุ 250 ล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 1 หนังทำรายได้สูงสุดในรอบปี
กระแสตอบรับ :
- ได้รับเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์อย่างล้นหลาม ยกย่องบทภาพยนตร์ที่อบอุ่น เรื่องราวที่กินใจ แสดงถึงความผูกพันในครอบครัว
- โดนใจผู้ชมทุกเพศ ทุกวัย
- กลายเป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางบนโซเชียลมีเดีย
- มีการรีวิวภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องหลายช่องทาง
- คะแนนรีวิวใน IMDb อยู่ที่ 8.7/10
“หลานม่า” ทำการตลาดอย่างไร ? แนะนำวิธีทำการตลาดที่น่าสนใจ
นอกจากตัวบทภาพยนตร์ ความสามารถของนักแสดงนำ และการทำงานของผู้กำกับและทีมงาน กลยุทธ์การตลาดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จได้ ทั้งนี้ เราขอรวบรวมกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการนำมาปรับใช้ในธุรกิจหรือแผนการตลาดของคุณ
1. Influencer Marketing
ทีมงานได้ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังหลายท่าน เพื่อช่วยโปรโมตภาพยนตร์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ได้รีวิวภาพยนตร์ พูดคุยถึงเนื้อหา จัดเกมส์แจกรางวัล ฯลฯ ด้วยฐานผู้ติดตามจำนวนมากของอินฟลูเอนเซอร์เหล่านี้ ทำให้ภาพยนตร์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างกว้างขวาง กระตุ้นให้ผู้คนสนใจและอยากชมภาพยนตร์มากขึ้น
2. สื่อออฟไลน์
นอกจากการโปรโมตผ่านสื่อออนไลน์แล้ว ทีมงานยังใช้สื่อออฟไลน์ต่าง ๆ เช่น ติดตั้งป้ายบิลบอร์ด โฆษณาทางโทรทัศน์ วิทยุ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์ โดยเน้นเป็นภาพของโปสเตอร์ภาพยนตร์ที่มีนักแสดงนำ (“บิวกิ้น พุฒิพงศ์” และ “แต๋ว อุษา เสมคำ”) และวันเวลาเข้าฉาย การโปรโมตผ่านสื่อเหล่านี้ช่วยให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมที่ไม่ค่อยใช้สื่อออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย
3. Content Marketing
GDH สร้างคอนเทนต์ออนไลน์ที่น่าสนใจ ดึงดูดความสนใจจากผู้ชม ผ่านทาง Facebook Page สำหรับโปรโมตภาพยนตร์ โดยมีการโพสต์คอนเทนต์ต่าง ๆ เช่น ตัวอย่างภาพยนตร์ เบื้องหลังการถ่ายทำ บทสัมภาษณ์นักแสดง กิจกรรมโปรโมต ฯลฯ การทำ Content Marketing ช่วยให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับภาพยนตร์ ใกล้ชิดกับภาพยนตร์ และอยากชมมากขึ้น ตัวอย่างคอนเทนต์ที่ GDH โปรโมตผ่าน Facebook ที่น่าสนใจ เช่น
- คอนเทนต์เชื่อมโยงผลงานเพลงของบิวกิ้น พุฒิพงศ์ นักแสดงนำ กับเนื้อหาในภาพยนตร์ (ชมคอนเทนต์คลิกที่นี่)
- คอนเทนต์สอนคำศัพท์ภาษาจีน โดยใช้คำที่ตัวละคร “อาม่า” พูดในเรื่อง (ชมคอนเทนต์คลิกที่นี่)
- คอนเทนต์เปรียบเทียบความต่างของ Generation โดยเปรียบเทียบผ่าน “อาม่า” และ “เอ็ม” ตัวละครหลักของเรื่อง (ชมคอนเทนต์คลิกที่นี่)
นอกจากนี้ ยังมีการทำ Content Marketing ผ่านทางโซเชียลมีเดียอื่น ๆ เช่น TikTok, YouTube, X และเว็บไซต์ต่าง ๆ
- คลิปสัมภาษณ์เด็กที่สยามให้โทรหาอาม่า จนกลายเป็นไวรัลใน TikTok (ชมคลิปคลิกที่นี่)
- คอนเทนต์สัมภาษณ์เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ถึงความรู้สึกและความประทับใจที่ได้ชมภาพยนตร์หลานม่า โดยทำเป็นคอนเทนต์โปรโมตทางเว็บไซต์ข่าวและช่องทางอื่น ๆ (อ่านคอนเทนต์ได้ที่นี่)
4. GDH ประกาศให้พนักงานหยุดงานวันที่ 4 เมษายน
GDH ประกาศให้พนักงานหยุดงานวันที่ 4 เมษายน ซึ่งเป็นวันที่ภาพยนตร์เข้าฉาย เพื่อให้พนักงานพาครอบครัวไปดูภาพยนตร์ นอกจากนี้ บริษัท Bilkin Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทส่วนตัวของบิวกิ้น พุฒิพงศ์ นักแสดงนำ ก็ประกาศให้หยุดด้วย กลยุทธ์นี้ถือเป็นความแหวกแนวที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่พนักงาน พร้อมกันนั้นเมื่อสื่อต่าง ๆ ทำข่าวเรื่องนี้ ก็ถือเป็นการโปรโมตภาพยนตร์ไปในตัว
5. กำหนดวันเข้าฉายถูกเวลา
ภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” เข้าฉายในช่วงเทศกาลเชงเม้งและต่อเนื่องไปถึงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวมีโอกาสได้มาพบปะสังสรรค์กัน ตรงกับเนื้อหาของภาพยนตร์ที่พูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้ผู้ชมที่มีเวลาว่างในช่วงเทศกาลนี้พาครอบครัวมาชมภาพยนตร์ได้โดยง่าย และมีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จสูง
6. เจาะตลาดผู้สูงอายุควบคู่ไปกับกลุ่มเป้าหมายอื่น
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างหลานกับอาม่า จึงตรงกับความสนใจของกลุ่มผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ทีมงานจึงให้นักแสดงนำไปโปรโมตในรายการที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุ เช่น รายการเกษียณสำราญ ซึ่งเป็นการเจาะตลาดที่แม่นยำ และช่วยให้ภาพยนตร์มีฐานผู้ชมที่กว้างขวางมากขึ้น
7. ใช้กระแสปากต่อปาก
กระแสการบอกต่อแบบปากต่อปาก เป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์ “หลานม่า” ประสบความสำเร็จ โดย GDH เน้นสร้างสรรค์ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาอบอุ่น กินใจ ตอบโจทย์กลุ่มผู้ชม จากนั้นให้ผู้ชมบอกเล่าความประทับใจผ่านโซเชียลมีเดียหรือชักชวนกันเอง พร้อมกันนั้น ทาง GDH ก็มีการอัปเดตรายได้ของภาพยนตร์ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดียของทางบริษัทอยู่เสมอ ทำให้เกิดการสร้าง Soial Proof ซึ่งส่งผลให้เกิดการบอกต่อในวงกว้าง จนกลายเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และกระแสทางบวก
ขอบคุณภาพจาก Facebook GDH
สรุป
กลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด และการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและผู้ชมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง “หลานม่า” ประสบความสำเร็จทั้งรายได้ คำวิจารณ์ และมีการวางแผนว่าจะเข้าฉายที่ต่างประเทศ ถือเป็นภาพยนตร์ที่กอบกู้ชื่อเสียงความเป็นค่ายหนังคุณภาพของ GDH ได้อย่างสมบูรณ์
เห็นได้เลยว่าการตลาดเป็นปัจจัยสำคัญที่มีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จได้ดีขึ้น ทั้งนี้ถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจบ้าง สามารถมาปรึกษา Primal Digital Agency ของเราได้เลย เราคือเอเจนซีการตลาดชั้นนำที่พร้อมออกแบบแผนกลยุทธ์เพื่อธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ รับรองว่าเติบโตทั้งรายได้และสร้างการรับรู้ให้กลุ่มเป้าหมายได้แน่นอน !
Join the discussion - 0 Comment