6 กลยุทธ์การตลาดของ Taylor Swift เจ้าแม่เพลงป๊อปตัวจริงในยุคนี้

“มากกว่านักร้องนักแต่งเพลง Taylor Swift คือปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สร้างแรงกระเพื่อมได้มากที่สุดในยุคนี้”

ประโยคนี้คงไม่เกินจริง หากจะกล่าวถึงนักร้องนักแต่งเพลงอย่าง Taylor Swift (เทย์เลอร์ สวิฟต์)  เพราะนอกจากผลงานเพลงจะฮิตติดหูแทบทุกอัลบั้มแล้ว Taylor ยังสร้างปรากฏการณ์ทางดนตรีและวัฒนธรรมที่ปลุกกระแสความคลั่งไคล้และสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก

ทว่า นอกจากความสามารถทางด้านดนตรี กุญแจสำคัญอีกดอกที่ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ก็คงไม่พ้นกลยุทธ์การตลาดของ Taylor Swift เพราะได้สร้างเสียงตอบรับจากแฟน ๆ ได้ดีมากในแต่ละอัลบั้ม วันนี้เราจึงจะมาถอดบทเรียนจากกลยุทธ์การตลาดที่ประสบความสำเร็จของ Taylor Swift ว่าอะไรคือกลยุทธ์สำคัญที่ครองใจแฟนเพลงได้อย่างเหนียวแน่น ไปหาคำตอบพร้อมกันได้เลยในบทความนี้!

 

Table of Contents

Taylor Swift คือใคร? ศิลปินชื่อดังที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคนี้

Taylor Swift เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1989 ในเมือง West Reading รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสนใจดนตรีตั้งแต่เด็ก และเริ่มเขียนเพลงตั้งแต่อายุ 12 ปี ด้วยความมุ่งมั่นและพรสวรรค์ Taylor ได้ย้ายไปที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจดนตรีคันทรี และต่อมาในปี 2006 ก็ได้เปิดตัวในฐานะนักร้องนักแต่งเพลงคันทรีด้วยการออกอัลบั้มแรกในชื่อ “Taylor Swift”

Taylor พัฒนาฝีมือและสไตล์ดนตรีอย่างต่อเนื่อง จนความสามารถกลายเป็นที่ยอมรับ ดังจะเห็นได้จากการกวาดรางวัลใหญ่จากเวทีทางดนตรีมาแล้วมากมาย ตั้งแต่รางวัล Grammy Awards ที่ได้มาแล้วถึง 12 รางวัล American Music Awards รวม 40 รางวัล และ Billboard Music Awards ที่ได้มาแล้วกว่า 29 รางวัล

 

ทำไม Taylor Swift ถึงเป็นนักร้องนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง?

ปัจจัยที่คาดว่าทำให้Taylor กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จที่สุดในสายงานดนตรียุคปัจจุบัน มีดังนี้

1. พรสวรรค์และความสามารถ

พรสวรรค์ทางดนตรีของ Taylor Swift ปรากฏให้เห็นตั้งแต่อายุยังน้อย Taylor เขียนเพลงได้หลายแนว ทั้งคันทรี ป็อป อิเล็กทรอนิกส์ และอินดี้ ซึ่งถ่ายทอดเนื้อเพลงผ่านมุมมองและเรื่องราวส่วนตัวที่จริงใจ เข้าถึงง่าย และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ผู้ฟังได้ทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ เสียงร้องของ Taylor Swift ยังเต็มไปด้วยอารมณ์และเอกลักษณ์ อีกทั้งยังสามารถแสดงสดได้อย่างมีเสน่ห์และดึงดูดผู้ชม จนทำให้ตั๋วคอนเสิร์ตในแต่ละอัลบั้มขายหมดทุกประเทศ

2. การทำงานหนักและความทุ่มเท

Taylor ทุ่มเทให้กับงานดนตรีอย่างเต็มที่ เธอเขียนเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวและมุมมองตัวเองเกือบทั้งหมด ทั้งยังมีส่วนร่วมในการเรียบเรียงดนตรี ฝึกซ้อมร้องเพลงและเล่นกีตาร์เป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่แฟนเพลงของเธอ 

3. การเชื่อมต่อกับแฟนเพลง

หนึ่งในเคล็ดลับความสำเร็จสำคัญคือ Taylor ให้ความสำคัญกับแฟนเพลงอย่างมาก โดย Taylor จะใช้โซเชียลมีเดีย ทั้ง Instagram, Twitter และ Tumblr สื่อสารกับแฟนเพลงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น Secret Sessions เชิญแฟนเพลงมาร่วมฟังเพลงใหม่หรือ Meet & Greet ให้แฟนเพลงได้ถ่ายรูปและพูดคุย ทำให้แฟนเพลงรู้สึกใกล้ชิด และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Taylor Nation

4. กลยุทธ์การตลาดของ Taylor Swift ที่วางแผนมาเป็นอย่างดี

Taylor Swift ไม่ได้เป็นเพียงนักร้องนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ยังเป็นนักการตลาดที่ฉลาดอีกด้วย โดยเธอและทีมมักจะมองหาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อโปรโมตผลงานและสร้างความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นให้กับเหล่าแฟนเพลงอยู่เสมอ

 

ถอดบทเรียนกลยุทธ์การตลาดของ Taylor Swift แบรนด์อื่น ๆ ก็นำไปปรับใช้ได้!

เมื่อ Taylor เป็นนักการตลาดและนักธุรกิจที่เก่งที่สุดคนหนึ่ง เราเลยอยากมาถอดบทเรียนว่าเธอใช้กลยุทธ์การตลาดแบบไหนในการโปรโมตผลงานบ้าง 

1.   มุ่งเน้นไปที่การตลาดแบบดิจิทัล

Taylor Swift เน้นการทำตลาดแต่ละอัลบั้มในรูปแบบดิจิทัลมากกว่าการตลาดแบบดั้งเดิม ทั้งโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และสตรีมมิง โดย Taylor Swift เป็นหนึ่งในศิลปินที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากที่สุดในโลก (มีบัญชี Twitter, Instagram, Facebook, Tumblr และ YouTube ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ) โดยเธอมักจะใช้แพลตฟอร์มเหล่านี้สื่อสารกับแฟนเพลงโดยตรง ทั้งแชร์ข่าวสารเกี่ยวกับผลงาน ตอบคำถามแฟนเพลง และโพสต์เนื้อหาพิเศษต่าง ๆ

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้โดยสร้างแอ็กเคานต์ทุกแพลตฟอร์ม โพสต์เนื้อหาที่น่าสนใจบนโซเชียลมีเดียอย่างเป็นประจำ และใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ

2.   มอบประสบการณ์พิเศษให้กับแฟนเพลง

Taylor Swift มักใช้วิธีมอบประสบการณ์พิเศษให้กับแฟนเพลง เช่น การขายตั๋วคอนเสิร์ตล่วงหน้า การพบปะกับแฟนเพลง และสินค้าพิเศษ ช่วยให้แฟนเพลงเกิดความรู้สึกประทับใจและอยากสนับสนุนผลงานในระยะยาว

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถนำกลยุทธ์นี้มาปรับใช้ผ่านการมอบส่วนลดพิเศษ (Privileges) และของรางวัล เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ อยากลับมาซื้อซ้ำ หรือแม้แต่อยากบอกต่อไปยังผู้บริโภคด้วยกันเอง

3.   ควบคุมภาพลักษณ์

การควบคุมภาพลักษณ์เป็นกลยุทธ์การตลาดที่ช่วยสร้างการจดจำ สร้างความแตกต่าง และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ดิ้ง (Branding) ของ Taylor ได้ เธอได้กำหนดภาพลักษณ์ของตนเองผ่านการออกแบบปกอัลบั้ม มิวสิกวิดีโอ การทัวร์คอนเสิร์ต การสื่อสาร รวมไปถึงการปรากฏตัวบนสื่อ

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถปรับใช้โดยการสร้างคาแรกเตอร์ของแบรนด์ให้ชัดเจน ออกแบบโลโก้หรือสโลแกนที่จดจำง่าย รวมถึงควบคุมภาพโดยรวมของโซเชียลมีเดียทั้งหมดให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก็จะช่วยสร้างการจดจำในมุมของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

4.   ใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing

Taylor Swift ร่วมมือกับ influencers บนโซเชียลมีเดียเพื่อโปรโมตผลงานเพลง โดยจะเลือกอินฟลูฯ ที่น่าเชื่อถือและตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เผยแพร่ผ่านคอนเทนต์ที่น่าสนใจหรือกำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์ Influencer Marketing เลือกอินฟลูฯ ที่มีคาแรกเตอร์และฐานผู้ติดตามคล้ายคลึงกับแบรนด์ และโปรโมตในช่องทางต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดและงบประมาณที่มีอยู่

5.   การใช้กลยุทธ์การเล่าเรื่อง (Storytelling)

Taylor Swift มักใช้กลยุทธ์การเล่าเรื่อง (Storytelling) ในงานของเธอทุกชิ้น ตั้งแต่การเขียนเนื้อเพลง มิวสิกวิดีโอ ไปจนถึงคอนเทนต์โซเชียลมีเดีย โดยเรื่องราวของแต่ละอัลบั้มจะถูกถ่ายทอดอย่างสร้างสรรค์ แปลกใหม่ และน่าสนใจ โดยเป็นเนื้อหาที่เข้าถึงได้ง่าย ในขณะเดียวกันก็มีกิมมิกบางอย่างให้แฟน ๆ ได้เชื่อมโยงและค้นหาต่อด้วย 

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถใช้กลยุทธ์การเล่าเรื่อง (Storytelling) บอกเล่าเรื่องราวของสินค้าและบริการให้น่าสนใจ โดยอาจนำเสนอผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย คำโฆษณาที่จูงใจ หรือในรูปแบบวิดีโอหนังสั้น

6.   ทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่น

การทำงานร่วมกับศิลปินคนอื่น เป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการขยายฐานแฟนคลับและเข้าถึงผู้ฟังใหม่ ๆ ซึ่งTaylor ได้มีการร่วมงานกับนักร้องคนอื่น ๆ มากมาย ทั้งกับ Ed Sheeran ในเพลง Everything Has Changed (อัลบั้ม RED) หรือแม้แต่ร่วมโปรโมตทัวร์คอนเสิร์ต Reputation Stadium Tour กับ Camila Cabello เป็นต้น 

วิธีการปรับใช้: แบรนด์สามารถปรับใช้ผ่านกลยุทธ์ที่เรียกว่า Collaborative Marketing (การร่วมมือกันระหว่างแบรนด์หรือระหว่างแบรนด์กับบุคคล) เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายเพิ่ม/ใหม่ โดยเลือกพาร์ตเนอร์ที่มีทิศทางเดียวกัน และสร้างสรรค์แคมเปญที่ตอบโจทย์ลูกค้าของทั้งสองแบรนด์

 

ตัวอย่างวิธีโปรโมตอัลบั้มของ Taylor Swift ที่น่าสนใจ

1. อัลบั้ม 1989 (Taylor’s Version)

Taylor Swift จัดกิจกรรม “ทายชื่อเพลงใหม่บน Google” เพื่อให้แฟน ๆ ได้มีส่วนร่วมกับการโปรโมตอัลบั้ม 1989 (Taylor’s Version)

  • Taylor ร่วมมือกับ Google ในการสร้างเกมทายชื่อเพลงใหม่
  • แฟนคลับสามารถเล่นเกมนี้ได้โดยค้นหา “Taylor Swift 1989” บน Google
  • เกมนี้แสดงภาพปริศนาและคำใบ้เกี่ยวกับเพลงใหม่
  • แฟนคลับต้องใช้ทักษะการสังเกตและการวิเคราะห์เพื่อทายชื่อเพลง
  • เกมนี้ดึงดูดความสนใจของแฟนคลับและสร้างการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย

2. อัลบั้ม Reputation (2017)

Taylor Swift ใช้กลยุทธ์ Emotional Marketing กระตุ้นความรู้สึกของแฟนเพลง ทั้งความรู้สึกตื่นเต้น ลุ้นระลึก ไปจนถึงแปลกใจ

  • ลบรูปภาพทั้งหมดออกจากโซเชียลมีเดีย:

      • Taylor Swift ลบรูปภาพทั้งหมดออกจาก Instagram ของเธอในเดือนสิงหาคม 2017
      • สร้างความงุนงงและสงสัยให้กับแฟนคลับ
      • สื่อต่าง ๆ เริ่มรายงานข่าวเกี่ยวกับการลบรูปภาพของเธอ
      • แฟนคลับเริ่มคาดเดาว่าเธออาจจะกำลังเตรียมตัวสำหรับการเปิดตัวอัลบั้มใหม่
  • โพสต์ข้อความปริศนา:

      • Taylor Swift โพสต์ข้อความปริศนาบน Instagram
      • ข้อความประกอบด้วยรูปงู นาฬิกา และข้อความ “midnight”
      • แฟนคลับเริ่มคาดเดาว่าข้อความนั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับอัลบั้มใหม่
      • หลายคนเชื่อว่ารูปงูสื่อถึงธีม “การแก้แค้น”
      • แฟนคลับบางคนวิเคราะห์ว่า “midnight” อาจจะหมายถึงวันที่วางจำหน่ายอัลบั้ม
  • ปล่อยตัวอย่างเพลงสั้น ๆ:

    • Taylor Swift ปล่อยตัวอย่างเพลง “Look What You Made Me Do” ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้แค้น
    • ตื่นเต้นกับเพลงแนวใหม่ ซึ่งฉีกลุคจากอัลบั้มที่ผ่านมา และแชร์ตัวอย่างเพลงทางโซเชียลมีเดีย

สรุป

Taylor  Swift เป็นตัวอย่างที่ดีของศิลปินที่ใช้การตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคุณเองก็สามารถนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปปรับใช้ได้ ทั้งนี้ หากไม่แน่ใจว่าควรจะนำไปใช้อย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้ สามารถปรึกษา Primal Digital Agency ของเราได้เลย เราคือเอเจนซีการตลาด ที่พร้อมช่วยวิเคราะห์และออกแบบกลยุทธ์ที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ กรอกรายละเอียดเพื่อปรึกษาเราตอนนี้!