โฆษณาบน YouTube มีแบบไหนบ้าง ? พร้อมวิธีเลือกใช้ให้เหมาะสม

เมื่อพูดถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่รวบรวมวิดีโอหลากหลายประเภทไว้สำหรับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย เชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยต้องนึกถึง “YouTube” เป็นอันดับแรก ๆ เนื่องจากถือเป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลกรองจาก Google ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 933 ล้านคนในปี 2024 และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นประมาณ 996 ล้านคนในปีหน้า

ดังนั้น จึงไม่ผิดหากจะบอกว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มที่มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมหาศาล และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจในการทำการตลาด เพราะสามารถช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้มากยิ่งขึ้น ! เรามาดูกันในบทความนี้เลยว่าโฆษณา YouTube Ads คืออะไร มีกี่ประเภท และมีอะไรบ้าง

YouTube Ads คืออะไร

YouTube Ads คือ ระบบโฆษณาบน YouTube ที่เปิดโอกาสให้นักการตลาดและธุรกิจสามารถโปรโมตแบรนด์และเข้าถึงผู้ชมได้อย่างกว้างขวาง โดยจะปรากฏในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เป็นวิดิโอที่เล่นก่อน ระหว่าง หรือหลังวิดีโอหลัก เป็นแบนเนอร์ที่แสดงอยู่ด้านบนของหน้าเซิร์ช หรือเป็นโฆษณาที่สามารถกดข้ามได้หลังจากดูไปแล้วระยะหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด โดยใช้ข้อมูลด้านประชากรศาสตร์ ความสนใจ และพฤติกรรมการรับชมของผู้ใช้ YouTube เพื่อให้สามารถสร้างการรับรู้ เพิ่มยอดขาย และกระตุ้นการมีส่วนร่วม (Engagement) กับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โฆษณา YouTube มีกี่ประเภท

การยิงแอด YouTube สามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการตลาดและงบประมาณของผู้ลงโฆษณา โดยทั่วจะแบ่งออกได้เป็น 8 ประเภทหลัก ๆ ไปดูกันเลยว่า YouTube Ads มีอะไรบ้าง !

1. TrueView In-Stream Ads

TrueView เป็นโฆษณาบน YouTube ที่ผู้ชมสามารถกดข้ามได้ (Skip Ad) หากไม่ต้องการรับชมต่อ แต่จะข้ามได้หลังจากที่โฆษณาเล่นไปแล้ว 5 วินาทีเท่านั้น โดยจะปรากฏในหน้าที่แสดงวิดีโอของ YouTube รวมถึงวิดีโอในเว็บไซต์พาร์ตเนอร์ของ Google ด้วย เช่น แอปพลิเคชันหรือเกมต่าง ๆ ส่วนมากจะเป็นวิดีโอที่มีจุดประสงค์เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์ จึงสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้ดี เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ การพิจารณาสินค้าและบริการ ไปจนถึงการเข้าชมเว็บไซต์และยอดขาย

2. TrueView Discovery Ads

อีกหนึ่งโฆษณา YouTube ในรูปแบบ TrueView ที่สามารถกดข้ามได้เหมือนกับตัวบน แต่ Discovery Ads จะมีลักษณะเป็นวิดีโอแนะนำที่ขึ้นอยู่บนหน้าโฮมเพจของ YouTube โดยมักจะปรากฏบนหน้าจอของผู้ชมที่ค้นหาคอนเทนต์คล้าย ๆ กับวิดีโอของคุณ และที่พิเศษคือ เป็นการยิงแอด YouTube ที่ไม่จำกัดความยาวของวิดีโอ เพราะเป็นโฆษณาที่เกิดจากการค้นหา ไม่ใช่โฆษณาแบบสุ่ม หรือหากต้องการให้โฆษณาไปแทรกอยู่ระหว่างวิดีโออื่น ๆ ก็ทำได้ แต่จะต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 10 วินาที ข้อดีคือช่วยให้คุณสามารถโฆษณาแบรนด์ผ่านวิดีโอในลักษณะ How-To (การสาธิตวิธีการ) ได้ และจะเสียค่าใช้จ่ายก็ต่อเมื่อผู้ชมเลือกที่จะดูโฆษณาของคุณ ด้วยการคลิกเข้ามาที่ภาพปกวิดีโอเท่านั้น

3. Non-Skippable In-Stream Ads

โฆษณาบน YouTube ที่มีความยาวไม่เกิน 20 วินาทีและไม่สามารถกดข้ามได้ ทำให้ข้อความทุกอย่างที่คุณต้องการสื่อสารสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งหมด โดยจะแทรกไว้ก่อน ระหว่าง หรือหลังวิดีโอหลักก็ได้ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือการจัดโปรโมชันต่าง ๆ แต่แนะนำให้คิด Copywriting ที่กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ หรือ CTA (Call to Action) ลงไปในโฆษณาด้วย เพื่อเรียกความสนใจจากผู้ชมให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้น

4. Bumper Ads

โฆษณา YouTube แบบวิดีโอสั้น ความยาวเพียง 6 วินาที และไม่สามารถกดข้ามได้เหมือน Non-Skippable Ads แต่จะไม่รบกวนสุนทรียภาพในการรับชมวิดีโอหลักของกลุ่มเป้าหมายมากนัก เพราะเมื่อโฆษณาสั้น โอกาสที่ผู้ชมเกิดความรำคาญก็จะมีน้อย จากผลสำรวจของ Google ระบุว่า การยิงแอด YouTube แบบ Bumper นั้นมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเพิ่มอัตราการเข้าถึงวิดีโอแบบยาว เพราะหลังจากที่โฆษณาแสดงผลไป 6 วินาทีแล้วสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ ก็จะมีโอกาสสูงขึ้นในการทำให้ผู้ชมคลิกเข้าไปดูวิดีโอตัวเต็ม ซึ่งคุณสามารถใช้โฆษณารูปแบบนี้เมื่อต้องการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง และควรใส่ข้อความสั้น ๆ ที่สร้างการจดจำแบรนด์ลงไปด้วย 

5. Overlay Ads

โฆษณาแบนเนอร์ที่อยู่มุมขวาล่างของวิดีโอ เป็นรูปภาพขนาด 480 x 70 Pixels และครอบคลุมพื้นที่หน้าวิดีโอถึง 20% โดยจะปรากฏเมื่อผู้ชมเริ่มเล่นวิดีโอหลัก เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภทที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแบรนด์แบบผ่าน ๆ ตาบ้าง ซึ่งถ้าหากมีผู้สนใจก็จะสามารถกดดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แต่ขณะนี้ โฆษณา YouTube Overlay Ads สามารถแสดงผลได้แค่บนเดสก์ท็อปเท่านั้น

6. Display Ads

อีกหนึ่งโฆษณาบน YouTube ในรูปแบบแบนเนอร์ มีขนาด 300 x 250 Pixels และปรากฏทางด้านขวามือของวิดีโอ โดยจะอยู่บนรายการวิดีโอแนะนำ (Suggest Videos) สำหรับการทำโฆษณาประเภทนี้ ควรใส่ข้อมูลคำพูดที่ต้องการสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายให้กระชับ ชัดเจน เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ชมให้ได้แบบทันทีทันใด เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่โดดเด่นและเห็นชัดในสายตาของลูกค้า

7. Cards and Sponsored Cards

เป็นโฆษณาแบบพ็อปอัป หรือ CTA ที่กระตุ้นให้เกิดการคลิกภายในเวลาไม่เกิน 20 วินาที โดยจะมีขนาดเล็กและปรากฏอยู่บนวิดีโอหลักที่ผู้ใช้กำลังรับชม แต่จะไม่เป็นการรบกวนมากนัก เพราะการ์ดโฆษณาจะขยายใหญ่ขึ้นก็ต่อเมื่อมีการคลิกเท่านั้น เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการผลักดันให้เกิดปฏิสัมพันธ์บางอย่างจากผู้พบเห็นโฆษณา

8. Mastheads

การยิงแอด YouTube รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นแบนเนอร์หรือวิดีโอไร้เสียงขนาดใหญ่บนหน้าโฮมเพจ ความยาว 30 วินาที โดยสามารถใช้แบบ Standard Size (970 x 250 Pixels) หรือ Expandable Size (970 x 500 Pixels) ก็ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใส่ลูกเล่น Multi-Function ให้โฆษณาดูน่าสนใจมากขึ้นได้อีกด้วย เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมตสินค้าใหม่ ๆ หรือต้องการเปิดตัวแบบดูยิ่งใหญ่อลังการ โดยจะมีการคิดค่าโฆษณาแบบ CPD (Cost Per Day) แบบรายวัน และ CPM (Cost Per Thousand Impressions) ที่จ่ายเมื่อมีการรับชมครบ 1,000 ครั้ง

YouTube Ads คือ ทางเลือกสำหรับธุรกิจที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายแบบเฉพาะเจาะจง

สุดท้ายนี้ ไม่ว่า YouTube Ads จะมีอะไรบ้าง หรือคุณจะใช้วิธียิงแอด YouTube แบบไหนก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่แบรนด์ต้องตระหนักไว้เสมอ คือ ต้องรู้ว่าผู้ชมของตนเองคือใคร เพราะถ้าหากคุณไม่รู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง โฆษณาที่ลงทุนลงแรงทำไปก็อาจจะไม่เข้าตาใครเลย ทำให้เสียค่าโฆษณาไปฟรี ๆ ยิ่งไปกว่านั้น โฆษณาที่ทำก็ไม่ควรยืดเยื้อ ไม่ใช่แค่ในแง่ของระยะเวลา แต่หมายรวมถึงคอนเทนต์ในวิดีโอนั้น ๆ ที่ควรจะต้องเข้าสู่เนื้อหาหลักที่ต้องการโฆษณาในจังหวะที่ถูกต้องและเหมาะสม ทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากดูต่อไปจนจบ และอย่าลืมแสดงแบรนด์หรือสินค้าบนโฆษณาให้ชัดเจน เพราะเป็นสิ่งที่สามารถสื่อสารโดยตรงให้ผู้ชมเข้าใจได้ว่าสินค้าของคุณคืออะไรนั่นเอง

ไม่ถนัดสร้างโฆษณาด้วยตัวเอง ติดต่อ Primal ได้เลยวันนี้ เราเป็นบริษัทรับทำการตลาดโซเชียลมีเดียชั้นนำของไทย ที่พร้อมดูแลธุรกิจคุณเหมือนธุรกิจของเราเอง และผลักดันให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้