Discord คืออะไร? ยุค Work From Home อย่างนี้ต้องรู้!

สำหรับใครที่เป็นสายเกมเมอร์ หรือชอบเล่นวิดีโอเกมบนคอมพิวเตอร์ก็น่าจะคุ้นเคยกันดีกับ “Discord” แอปพลิเคชันที่ใช้สื่อสารกันระหว่างเล่นเกม ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าแพลตฟอร์มนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรนัก เนื่องจากถือกำเนิดขึ้นมาหลายปีแล้วและยังคงได้รับความนิยมสูงมากจนถึงปัจจุบัน แต่ภาพจำของ Discord ในความคิดใครหลายคนอาจจะมองว่าเป็นโปรแกรมสำหรับเกมเมอร์เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ในวงการการตลาดก็มีการใช้ Discord เพื่อติดต่อสื่อสารและพูดคุยเรื่องงานเช่นกัน โดยจุดเด่นของแอปฯ คือเราสามารถใช้งานได้ฟรี แล้วยังรองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือในทุกระบบปฏิบัติการ ส่งผลให้ Discord คือโปรแกรมที่ถูกใช้งานอย่างกว้างขวาง

แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จัก และอยากรู้ว่า Discord คืออะไร บทความนี้จะมาแนะนำข้อมูล พร้อมทั้งบอกข้อดีและวิธีใช้ Discord ที่มือใหม่ควรรู้!

Discord ข้อดี ข้อเสีย

Discord คืออะไร?

แม้ไม่ต้องเป็นเกมเมอร์ แต่แค่ใครเคยดูคลิปแคสเกมก็มักจะได้ยินคำว่า “เข้าดิส” อยู่เป็นประจำอย่างแน่นอน ซึ่งบางคนก็อาจจะสงสัยว่าเข้าดิสคืออะไร เข้าที่ไหน คำตอบก็คือเป็นการ “เข้ากลุ่ม Discord” หรือห้อง Discord ของเจ้าของเซิร์ฟเวอร์เพื่อให้ผู้ติดตามได้รับรู้เรื่องราวข่าวสารต่าง ๆ อย่างเร็วไวนั่นเอง

Discord คือ VoIP หรือ Voice over IP รูปแบบหนึ่งที่สามารถสื่อสารได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่านข้อความ การโทร. คุย แชตเสียงแบบส่วนตัว หรือจะเป็นการแชร์รูปภาพ แชร์หน้าจอ และพูดคุยกันในแชตกลุ่มเพื่อน ๆ หรือกลุ่มเกมเมอร์ก็ได้เช่นกัน โดยเพียงแค่เราติดตั้งโปรแกรมหรือแอปฯ ลงบนอุปกรณ์ของตนเองก็จะสามารถเชื่อมต่อและใช้งานได้ทันทีที่ได้รับคำเชิญ (Invite) เข้าไปในกลุ่มนั้น ๆ

หากจะกล่าวให้เห็นภาพมากขึ้น ก็อาจบอกได้ว่า Discord นั้นมีความคล้ายกับ 2 แอปพลิเคชันที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดีอย่าง LINE และ Zoom แต่ด้วยความที่แพลตฟอร์มถูกออกแบบขึ้นมาให้ตอบโจทย์การเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างไหลลื่น ส่งผลให้วงการเกมเมอร์นิยมใช้ Discord มากกว่าแพลตฟอร์มอื่น ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เล่นเกมแล้วจะใช้ไม่ได้ เพราะ Discord สามารถสร้างห้องแชตไว้คุยกันในกลุ่มโดยเฉพาะ กล่าวคือ เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของกลุ่มคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน โดยเราสามารถค้นหาหรือเพิ่มเพื่อนให้เข้าร่วมกลุ่มแชตได้อย่างง่ายดาย จึงถือว่า Discord สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ด้วย

นอกจากนี้ Discord ยังมีลูกเล่นให้เราได้ลองใช้อีกเยอะแยะมากมาย โดยหากใครอยากอัปเกรดเพื่อการใช้งานที่ดีและหลากหลายขึ้น ก็สามารถใช้งาน Discord Nitro ได้ด้วยการจ่ายเงินรายเดือน (9.99$ หรือประมาณ 3,700 บาทต่อปี) ซึ่งสิ่งที่จะได้เพิ่มมา มีดังนี้

  • สามารถใช้อิโมจิแบบเคลื่อนไหวได้
  • อัปโหลดไฟล์ได้ขนาดใหญ่ขึ้น
  • สามารถสตรีมในระบบ 4K ผ่านฟีเจอร์ Go Live ได้
  • เซิร์ฟเวอร์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ ปลดล็อกฟังก์ชันต่าง ๆ ให้ผู้ใช้งานมากขึ้น
  • คุณภาพเสียงในการพูดคุยแบบเสียง (Voice Chat) ดีขึ้น
  • สามารถปรับแต่งเซิร์ฟเวอร์ให้น่าสนใจด้วย Animated Server Icons และกราฟิกต่าง ๆ
  • สามารถสร้างชื่อ Vanity URL (กำหนดชื่อ URL ที่ต้องการ) เพื่อแชร์ให้ผู้อื่นได้

 

ข้อดีของ Discord คืออะไร?

นอกจากการโหลดมาใช้งานได้แบบฟรี ๆ และรองรับกับหลายอุปกรณ์ในทุกระบบปฏิบัติการแล้ว Discord ยังมีข้อดีอีกหลายประการที่ทำให้ตัวแพลตฟอร์มขึ้นแท่นโปรแกรมแชตที่มาแรงสุด ๆ ในยุคนี้เลยทีเดียว ได้แก่

สามารถสร้างและค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่สนใจได้

การสร้างเซิร์ฟเวอร์หรือห้องแชตนั้นสามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่กดเครื่องหมาย “+” (Add a Server) ตรงแถบบาร์ด้านซ้าย โดยเมื่อกดแล้วจะมีช่องพ็อปอัปเด้งขึ้นมา จากนั้น ให้คลิก “Create My own” เพื่อสร้างเซิร์ฟเวอร์ใหม่ โดยเราสามารถตั้งชื่อเซิร์ฟเวอร์ได้ตามต้องการ รวมถึงสามารถเชิญผู้ใช้งานคนอื่นให้เข้าร่วมเซิร์ฟเวอร์ของเราได้ด้วยการคลิกที่ตัวเลือก “Invite Your Friends” และเมื่อเพื่อนของเราตอบรับคำเชิญโดยการกดลิงก์ที่ส่งไปให้แล้ว ก็จะสามารถส่งข้อความหรือพูดคุยแบบเสียงกับเราได้ทันที ซึ่งเราสามารถกำหนดค่าความเป็นส่วนตัวได้ว่าจะเปิดเป็นเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว สาธารณะ หรืออนุญาตเฉพาะเพื่อนที่ได้รับเชิญเท่านั้น

นอกจากนี้ Discord ยังมีเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดเป็นสาธารณะสำหรับผู้ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน โดยเราสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ตนเองสนใจได้ตามคีย์เวิร์ดที่ต้องการ เมื่อเจอแล้วก็สามารถกดเข้าร่วมหรือ “Join” ได้เลย ด้วยฟีเจอร์นี้เองที่ทำให้ Discord กลายเป็นชุมชนที่ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้อย่างอิสระ

ข้อความเสียง (Voice Chat) ใช้งานง่าย

ข้อความเสียงนั้นเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Discord เลยทีเดียว วิธีการใช้งานคือเพียงแค่เราคลิกไปที่ “Voice Channel” ในเซิร์ฟเวอร์ โปรแกรมก็จะเปิดไมโครโฟนให้อัตโนมัติ โดยเราสามารถโทร. หาเพื่อนแบบส่วนตัว หรือจะคุยกันแบบกลุ่มก็ได้

จากนั้น เมื่อเข้ามาในหน้า Voice Chat แล้ว จะมีหน้าต่างโชว์ให้เห็นด้านล่างเพื่อเลือกปิดเสียงไมโครโฟนของตัวเองได้ หรือหากคลิกที่ไอคอนหูฟังก็จะเป็นการใช้โหมด Deafen คือการปิดทั้งไมค์และลำโพง

ควบคุมได้ว่าต้องการเห็นหรือได้ยินเสียงใครบ้าง

ถึงแม้ว่าเราจะสามารถแชร์เซิร์ฟเวอร์ให้ผู้ใช้งานคนอื่นเข้ามาในห้องของเราได้ แต่ Discord ก็มีฟีเจอร์ที่สามารถให้เจ้าของหรือผู้ดูแลระบบเซิร์ฟเวอร์นั้น ๆ เป็นผู้กำหนดได้ว่าจะคุยกับใครหรือจะบล็อกใคร ตลอดจนสามารถส่งข้อความส่วนตัวหากันได้ และหากผู้ใช้งานคนใดส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น ก็สามารถปรับลดระดับเสียงหรือปิดเสียงเพื่อไม่ให้ได้ยินผู้ใช้งานคนดังกล่าวได้เช่นกัน ถือเป็นอำนาจของแอดมินที่ทำเพื่อความสงบเรียบร้อยของเซิร์ฟเวอร์นั้น ๆ

Live Stream ผ่าน Discord ได้ด้วยฟีเจอร์ “Go Live”

Discord มีฟีเจอร์ Go Live ที่ให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์สามารถสตรีมเกมแบบสด ๆ ให้ผู้ติดตามดูด้วย เพียงแค่คลิกที่ปุ่ม “Go Live” ซึ่งอยู่ด้านล่างซ้ายของหน้าจอ จากนั้นก็จะมีเกมขึ้นมาให้เราเลือกสตรีม หรือหากเราไม่ต้องการสตรีมเกม ก็สามารถใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อแชร์หน้าจอเฉย ๆ ก็ได้ เช่น เปิดวิดีโอใน YouTube เพื่อดูพร้อมเพื่อนในห้องแชต เป็นต้น

นอกจากนี้ Discord ยังมีจุดเด่นอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบการทำงานที่ดีเยี่ยมของเซิร์ฟเวอร์ การใช้พื้นที่หรือทรัพยากรในเครื่องที่น้อยมาก หรือการเปิดบอตเพื่อตอบแชตอัตโนมัติ ทำให้ Discord เป็นโปรแกรมและแอปพลิเคชันที่นิยมมากทั้งในหมู่คนเล่นเกมและคนทำงานเลยทีเดียว

 

วิธีใช้ Discord เบื้องต้น

สำหรับใครที่อยากลองใช้งาน Discord เพื่อเข้าไปยังกลุ่มของเหล่าสตรีมเมอร์ หรือแม้แต่อยากเปิดเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเองเอาไว้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงโหลดโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันมาลงอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ ดังนี้

 

เมื่อโหลดมาเรียบร้อยแล้วก็สามารถกดติดตั้งได้ตามปกติ ส่วนใครที่ยังไม่มีบัญชีเป็นของตัวเองก็กดสมัครให้เรียบร้อยก่อน แต่ถ้ามีอยู่แล้วก็สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย โดยบนหน้าแรก (Home) นั้นจะเป็นหน้าของข้อมูลทั้งหมด ได้แก่ ชื่อของเราเอง เพื่อนที่ออนไลน์อยู่ รายชื่อกลุ่มต่าง ๆ ทั้งกลุ่มของเราและกลุ่มที่ได้รับเชิญจากผู้อื่น ส่วนการเพิ่มเพื่อนนั้นสามารถทำได้โดยการกดและพิมพ์ชื่อพร้อมแทก (#) ที่มีเลข 4 ตัว เมื่อเพื่อนตอบรับแล้วเราก็จะเริ่มบทสนทนาได้ทันที

ในส่วนของการสร้างเซิร์ฟเวอร์นั้น เราสามารถสร้างเองตามขั้นตอนที่ได้อธิบายไว้ในหัวข้อก่อนหน้านี้ หรือจะกดจากเทมเพลตที่ทาง Discord ใส่ไว้แล้วก็ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเมื่อสร้างแล้ว ทาง Discord จะมีให้เลือกอีกว่าอยากสร้างเพื่อคุยเล่นกับเพื่อน ๆ ของตัวเองหรือจะสร้างเป็นคลับให้คนอื่นสามารถเข้ามาร่วมด้วยได้ ไม่เพียงเท่านั้น เรายังสามารถเปิดเพลงในเซิร์ฟเวอร์เพื่อความเพลิดเพลินได้อีกด้วย โดยวิธีเปิดเพลงใน Discord นั้นต้องมีการ “โหลดบอต” มาก่อน ด้วยการเข้าไปที่ https://rythm.fm/ บนเบราว์เซอร์ แล้วกด “Invite Rythm to your Discord” จากนั้นให้ทำการล็อกอิน เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการให้บอตเข้าไปอยู่ แล้วโหลดบอตได้เลย

 

สรุป

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูลและรายละเอียดให้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ ว่า Discord คืออะไร ใช้งานอย่างไร ตลอดจนข้อดีต่าง ๆ ว่าเหตุใดตัวแพลตฟอร์มจึงเป็นที่นิยมในวงกว้าง ไม่ใช่แค่ในวงการเกม แต่ถ้าหากใครยังไม่เคยใช้มาก่อนแล้วได้มารู้จักวิธีใช้ Discord ผ่านบทความนี้ ทางเราก็อยากแนะนำว่าให้ลองโหลดมาเล่นดู เพื่อจะได้ทราบถึงฟีเจอร์อื่น ๆ ที่เรายังไม่ได้กล่าวถึงอีกมากมาย และสามารถใช้งานตามคำแนะนำที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นได้เลย