นักการตลาดควรรู้! วิธีใช้ Instagram Reels สร้างแบรนด์ให้ปัง

ฟีเจอร์คอนเทนต์วิดีโอสั้นของอินสตาแกรม “Instagram Reels” เปิดตัวมาได้ราวสองปีกว่าแล้ว แต่ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้อินสตาแกรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นฟีเจอร์ที่ทุกคนสามารถสร้างสรรค์วิดีโอความยาว 15-90 วินาทีได้ในรูปแบบของตนเอง ทั้งการตัดต่อ การใส่เพลง ใส่ฟิลเตอร์ได้ตามใจชอบ Reels จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยสร้างคอนเทนต์โปรโมตไอจีให้ดูน่าสนใจขึ้นได้ และผู้ที่อยู่ในแวดวงการตลาดก็ไม่ควรพลาดที่จะใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์นี้ด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากที่ Instagram Reels ได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลามในช่วงที่ผ่านมา ร้านค้าออนไลน์หลายร้านก็มีการใช้ Reels เพื่อสร้างแบรนด์ของตนเองและนำเสนอสินค้าอย่างมีกิมมิก ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากกว่าเดิม ดังนั้น เพื่อให้รู้จักวิธีใช้ Instagram Reels ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะมาแนะนำวิธีทำ Reels ให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กลยุทธ์ทางธุรกิจมากที่สุด แต่ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักฟังก์ชันที่ว่านี้กันก่อนดีกว่า!

Instagram Reels คืออะไร?

Instagram Reels หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า “Reels” เป็นฟีเจอร์ที่มาในรูปแบบวิดีโอที่มีความยาว 15-90 วินาที มีระบบการทำงานคล้ายกับแอปพลิเคชัน TikTok ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ โดยผู้ใช้งานสามารถกดถ่าย ตัดต่อ รวมถึงปรับแต่งลูกเล่นต่าง ๆ เองได้ภายในแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะเป็นการใส่ฟิลเตอร์ แค็ปชัน หรือสติกเกอร์ นอกจากนี้ วิธีการใช้งานยังง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ จึงทำให้ Instagram Reels เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ดูน่าสนใจ อันนำไปสู่ยอดการมีส่วนร่วม (Engagement) ที่เพิ่มขึ้น

ทำไมจึงควรใช้ Instagram Reels สร้างแบรนด์?

เนื่องจากปัจจุบันนี้ ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมักนิยมเสพสื่อรูปแบบวิดีโอมากกว่าแบบเป็นตัวหนังสือเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะโพสต์ที่มีแค็ปชันยาว ๆ จนอาจทำให้เกิดการเสียเวลาในการแวะอ่าน ผู้ชมก็จะเลื่อนผ่านโพสต์นั้น ๆ ไปอย่างง่ายดาย แต่พอคอนเทนต์มาเป็นวิดีโอ มีเสียงเพลง มีลูกเล่นที่น่าสนใจมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้รับชมรู้สึกเพลิดเพลิน และได้เห็นคอนเทนต์ในอีกมิติหนึ่งที่มากกว่าแค่เป็นตัวหนังสือหรือรูปภาพธรรมดา หลาย ๆ ธุรกิจจึงหันมาใช้ Reels เพื่อสร้างแบรนด์ของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคลิปไหนมีความยาวไม่มาก เนื้อหากระชับ และสร้างความเพลิดเพลิน สนุกสนานได้ คลิปนั้นก็มีโอกาสที่จะเป็นไวรัลได้ง่าย ๆ เลยทีเดียว

นอกจากนี้ Instagram Reels ยังมีประโยชน์ในการสร้างแบรนด์เป็นอย่างมาก เนื่องจากทำให้แบรนด์ได้ยอด Engagement มากขึ้น กล่าวคือ คอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอมักจะสร้างการมีส่วนร่วมได้มากกว่าคอนเทนต์ประเภทอื่น ๆ Reels จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เติบโตขึ้นได้อีกด้วย

วิธีใช้ Instagram Reels

หากใครที่เคยใช้ TikTok มาก่อนแล้ว จะพบว่าวิธีทำ Reels นั้นมีขั้นตอนที่ค่อนข้างคล้ายกัน แต่ถ้าใครยังไม่เคยทำ ก็สามารถศึกษาวิธีใช้ Instagram Reels ที่จะอธิบายดังต่อไปนี้ได้เลย

• กดที่ปุ่มเครื่องมือ Reels ที่อยู่ตรงกลางในแถบ Home Button จากนั้นกดที่รูปกล้องมุมขวาบน

• เมื่อกดเข้าไปแล้ว จะพบกับเครื่องมือ 5 อย่างซึ่งเรียงกันอยู่ทางด้านซ้ายมือ ประกอบไปด้วย Audio คือการใส่เพลง เราสามารถกดที่ปุ่มนี้เพื่อหาเพลงที่ต้องการได้ และเลือกท่อนที่ชอบที่สุดในการตัดเข้ามาอยู่ใน Reels ตัวที่สองคือ Length หรือความยาว โดยจะมีให้เลือกระหว่าง 15 วินาที 30 วินาที 60 วินาที และ 90 วินาที ส่วนตัวที่สามคือการตั้งค่าความเร็ว หรือ Speed ของวิดีโอ โดยเราสามารถชะลอความเร็วหรือเร่งความเร็วของคลิปได้เองตามต้องการ ถัดมาคือการเลือก Layout เพื่อปรับแต่งวิดีโอของเราให้สวยงาม และอันสุดท้ายคือ Timer หรือตัวจับเวลาที่ช่วยทำให้การอัดวิดีโอง่ายขึ้น

• เริ่มถ่ายวิดีโอด้วยการกดปุ่มกลม ๆ ตรงกลางค้างไว้ แต่ถ้าหากไม่อยากกดค้างก็สามารถเลือกเป็นโหมด Hands-Free ได้ ซึ่งการถ่าย Reels นั้น เราสามารถถ่ายเป็นวิดีโอสั้น ๆ หลาย ๆ คลิปแล้วนำมาร้อยเรียงต่อกันได้ โดยหากเรากดหยุดถ่าย ก็จะเป็นการจบหนึ่งคลิป และเมื่อกดเริ่มถ่ายใหม่ ก็จะกลายเป็นอีกคลิปหนึ่งซึ่งต่อจากก่อนหน้านี้ แต่เราสามารถจัดเรียงลำดับคลิปใหม่ได้ หรือหากต้องการตัดคลิปบางส่วนออกไป ก็ให้กดที่ปุ่ม Edit clips ที่มุมล่างซ้ายเพื่อปรับแต่ง
• ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อปรับแต่งวิดีโอเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถเพิ่มสติกเกอร์ วาดรูป ใส่ข้อความ หรือใส่เพลงเพื่อตกแต่งวิดีโอได้ตามใจชอบที่เครื่องมือ 6 อันด้านบน

ไอเดียวิธีทำ Reels ให้แบรนด์ปัง ๆ

ในขณะที่ฟีเจอร์ Instagram Stories นั้นอยู่บนไอจีของเราได้เพียง 24 ชั่วโมง แต่ Instagram Reels จะอยู่บนหน้าฟีดของเราไปตลอดตราบใดที่เราไม่ลบออก ทั้งยังสามารถกดไลก์ กดแชร์ และคอมเมนต์ได้เหมือนกับบน TikTok ดังนั้น Reels จึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยดึงดูดให้คนเข้ามาดูหน้าไอจีของเรามากขึ้น และมีโอกาสเพิ่มยอดผู้ติดตามผ่านวิธีทำ Reels ที่สร้างสรรค์ เช่นตัวอย่างดังต่อไปนี้

1. สร้างคอนเทนต์เชิงให้ความรู้

การสร้างคอนเทนต์เชิงให้ความรู้นั้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น หากเป็นแบรนด์ขายสกินแคร์ ก็สามารถทำวิดีโอแนะนำสกินแคร์ว่าตัวไหนมีสรรพคุณอย่างไรบ้าง หรือหากเป็นร้านขายขนม ก็สามารถทำวิดีโอสอนทำขนมง่าย ๆ ภายในเวลา 10 นาที เป็นต้น โดยจุดประสงค์ของเนื้อหาในลักษณะนี้ คือการแบ่งปันความรู้ให้ผู้ชมได้รับข้อมูลหรือสกิลใหม่ ๆ ที่นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้

2. นำเสนอการใช้งานของสินค้าหรือบริการของตนเอง

อีกหนึ่งวิธีใช้ Instagram Reels เพื่อโปรโมตแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น คือการทำคลิปนำเสนอการใช้งานของสินค้าหรือบริการของตนเอง เนื่องจากฟีเจอร์ Reels นั้นมีความพิเศษตรงที่ระบบจะทำการแรนดอมการแสดงผลของวิดีโอในหน้า Explore ทำให้แบรนด์มีโอกาสเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ ในทุก ๆ วัน แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้กดติดตามไอจีของร้านค้าก็ตาม

3. นำเสนอเบื้องหลังการทำงานของแบรนด์

การนำเสนอเบื้องหลังการทำงานของทีมจะช่วยให้ผู้รับชมเข้าใจตัวตนของแบรนด์ดียิ่งขึ้น ว่าจริง ๆ แล้วเราคือใคร และกำลังทำอะไรอยู่ เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีในการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านค้า อันจะนำมาซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า รวมถึงคนที่มีแนวโน้มว่าจะมาเป็นลูกค้าของเราด้วย

4. อัปเดตโปรโมชันหรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ

เราสามารถใช้ Reels เพื่ออัปเดตโปรโมชัน ส่วนลด หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ลูกค้าเห็นได้ โดยทริกที่สำคัญสำหรับเนื้อหาประเภทนี้คือ ต้องแสดงความจริงใจให้ลูกค้าเห็น และไม่ควรยัดเยียดการขายของมากเกินไปจนลูกค้ารู้สึกอึดอัด แต่ทำให้น่าสนใจเพื่อให้ลูกค้าเหล่านั้นรู้สึกอยากมาใช้โปรโมชันที่เรานำเสนอ โดยอาจมีการใส่เพลงเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลินในวิดีโอด้วย

5. ใส่ “แฮชแทก (Hashtag)”

การที่จะทำให้ระบบอัลกอริทึมของไอจีเข้าใจและสามารถแยกแยะได้ว่าคอนเทนต์ที่เราโพสต์นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร เราควรใช้ “แฮชแทก” เพื่อให้ระบบทำการแรนดอมวิดีโอไปยังผู้ใช้ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ได้แม่นยำมากขึ้น โดยเราสามารถเพิ่มได้สูงสุด 30 แฮชแทก และจะต้องเลือกใช้เฉพาะแฮชแทกที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในคลิปเท่านั้น

6. สร้าง Reels Ads

ในช่วงเดือนมิถุนายน ปี 2021 ทางไอจีได้เพิ่ม Placement ในการซื้อพื้นที่โฆษณาสำหรับ Instagram Reels อันประกอบไปด้วยวัตถุประสงค์ 6 ข้อในการสร้างแคมเปญ ดังนี้

• Brand Awareness (การรับรู้แบรนด์)
• Reach (การเข้าถึง)
• Traffic (จำนวนผู้เข้าชม)
• App installs (จำนวนคนติดตั้งแอปพลิเคชัน)
• Video Views (จำนวนคนรับชมวิดีโอ)
• Conversions (ยอดขาย)

การซื้อพื้นที่โฆษณาให้กับ Reels จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการถูกแรนดอมไปยังหน้า Explore ของจำนวนผู้ใช้งานที่เยอะขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงจำนวนผู้ชมได้หลากหลายกลุ่ม และกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างนั่นเอง

Instagram Reels มีวิธีวัดผลประสิทธิภาพอย่างไร?

ในส่วนของการวัดผลประสิทธิภาพการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชม Instagram Reels นั้น สามารถวัดได้ด้วยข้อมูลจาก Instagram Insights ซึ่งสามารถแบ่งหัวข้อการวัดผลได้ ดังนี้

• Account Reached (จำนวนบัญชีที่เข้าชม Reels แบบไม่นับซ้ำ)
• Plays (จำนวนครั้งที่ถูกชม มีค่ามากกว่า Account Reached) เสมอ
• Likes (จำนวนคนกดไลก์)
• Comments (จำนวนคอมเมนต์)
• Saves (จำนวนครั้งที่ถูกบันทึกใน Bookmark)
• Shares (จำนวนครั้งที่ถูกแชร์ลงบนสตอรี หรือส่งให้ผู้อื่น)

ทั้งนี้ เราสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในการวัดประสิทธิภาพของ Instagram Reels ของตนเอง แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปวิเคราะห์เพื่อหาข้อปรับปรุง และพัฒนาคอนเทนต์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไปได้

สรุป

การที่นักการตลาดจะสร้างคอนเทนต์อะไรสักอย่างหนึ่งนั้น ไม่ว่าจะลงในโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มใดก็ตาม นอกจากจะต้องมีเทคนิคการเล่าเรื่องได้น่าติดตามและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้แล้ว ยังต้องทำความเข้าใจสถานการณ์ในตลาดขณะนั้นว่าสินค้าหรือบริการของแบรนด์เรากำลังเป็นไปในทิศทางใด แล้วคิดวิธีโปรโมตร้านค้าให้ตรงกับความต้องการของพวกเขาเหล่านั้น เพื่อให้เกิดยอดขายที่ดีที่สุด และ Instagram Reels เองก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางใหม่ ๆ ที่นักการตลาดควรจะเรียนรู้ไว้และปรับตัวตามให้ทัน เพราะโลกแห่งการทำธุรกิจบนความก้าวหน้าอย่างไม่มีวันหยุดของเทคโนโลยี หากเราตามไม่ทันเพียงครึ่งก้าว ก็อาจล่าช้ากว่าคู่แข่งไปตลอดกาลเลยก็เป็นได้