Facebook Reels ใช้ยังไง? รวมเทคนิคโปรโมตเพจให้ปังกว่าเดิม
หลังจากที่ Facebook ได้มีการเปิดให้ทดสอบฟีเจอร์ Reels บนแอปพลิเคชันสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาไปเมื่อปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมานี้ ฟีเจอร์ดังกล่าวก็ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการมากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความเพลิดเพลินจากคอนเทนต์ที่หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เหล่าครีเอเตอร์และนักการตลาดสามารถเข้าถึงผู้ชมใหม่ ๆ ได้อีกด้วย ซึ่งบทความนี้จะมาบอกให้ได้รู้กันว่า Facebook Reels คืออะไรและใช้ยังไง เพื่อทำความรู้จักฟีเจอร์ตัวใหม่นี้ให้มากขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Table of Contents
Facebook Reels คืออะไร?
หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นฟีเจอร์ Reels ที่ปรากฏบนแอปพลิเคชันชื่อดังอย่าง Instagram กันมาพักใหญ่ ๆ แล้ว ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นฟีเจอร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคอนเทนต์ที่คนส่วนใหญ่ชอบดู สร้างความสนุกสนานให้แก่คนที่เลื่อนหน้าฟีดผ่านไปผ่านมาได้ แม้กระทั่งเหล่าร้านค้าออนไลน์ก็ผันตัวมาเป็นวิดีโอครีเอเตอร์เพื่อโปรโมตร้านของตนเองให้มีคนมองเห็นมากขึ้น เป็นเหตุให้ Facebook เองก็พลาดไม่ได้ที่จะตามให้ทันเทรนด์นี้ด้วยการสร้างฟีเจอร์ Reels ตามขึ้นมาติด ๆ เสียเลย
Facebook Reels คือ ฟีเจอร์วิดีโอสั้นที่สนุกสนานและสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ชมได้ โดยในวิดีโอจะมีทั้งเพลง เสียง เอฟเฟกต์ AR ข้อความโอเวอร์เลย์ และลูกเล่นอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งเราสามารถสร้างวิดีโอเหล่านี้ผ่านแอปฯ Facebook บนมือถือได้เลยทั้งระบบ iOS และ Android โดย Reels ของเราจะถูกแชร์ไปยังหน้าฟีดหลักของเพื่อน ๆ และผู้ติดตาม รวมถึงผู้ชมใหม่ ๆ โดยตรง และจะแทรกตัวอยู่ในทุกที่บนแอปฯ ไม่ว่าจะเป็นใน Stories Watch หรือด้านบนสุดของฟีดเองก็ตาม เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่รู้จักเราได้ค้นพบและเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ที่เราสร้างสรรค์ขึ้น อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถกดติดตามครีเอเตอร์ กดถูกใจ คอมเมนต์ หรือแชร์ได้ทันทีจากหน้า Reels เลย
Facebook Reels ใช้ยังไง?
การสร้าง Facebook Reels นั้นสามารถทำได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครเคยสร้าง Reels ใน Instagram มาก่อนหน้านี้แล้วล่ะก็ บอกเลยว่า Facebook Reels จะกลายเป็นเรื่องง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก แค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- แตะที่ไอคอนเมนู (Menu) แล้วเลือก “Reels”
- จากนั้น คลิกไอคอนรูปกล้อง (Create) เพื่อสร้างคลิป Reels ของตนเอง
- คลิกที่เมนูกล้อง (Camera) อีกครั้ง จะเข้าสู่หน้าจอสร้าง Reels โดยเราสามารถแตะปุ่มตรงกลางเพื่อเริ่มต้นบันทึกได้เลยทันที หรือจะแตะไอคอนที่มุมซ้ายล่างเพื่อเพิ่มวิดีโอหรือรูปภาพที่เรามีอยู่แล้วก็ได้เช่นกัน
- จากภาพ ปุ่มเมนู 6 แถบด้านขวา คือเครื่องมือที่เราสามารถเพิ่มเสียงเพลง (Audio) กำหนดความยาวของคลิป (Length) เร่งความเร็ว (Speed) ใส่เอฟเฟกต์หรือฟิลเตอร์ (Effects) เพิ่มตัวจับเวลา (Timer) และใส่พื้นหลังเขียว (Green Screen) ได้ตามต้องการ
- เมื่อกำหนดฟังก์ชันต่าง ๆ ข้างต้นและได้ถ่ายคลิปวิดีโอเรียบร้อยแล้ว ในหน้าถัดมา เราสามารถใส่ข้อความบรรยายหรือสติกเกอร์ เพื่อตกแต่งให้คอนเทนต์ของเราดูน่าสนใจมากขึ้นได้อีกด้วย
- แตะปุ่มถัดไป (Next) เพื่อแชร์วิดีโอทันที แต่หากยังไม่ต้องการแชร์ ก็สามารถแตะที่ปุ่มบันทึก (Save) เพื่อดาวน์โหลดเก็บไว้บน Camera Roll ของตนเองได้
- หลังจากที่แตะปุ่มถัดไปเพื่อเตรียมแชร์ขึ้นหน้าฟีดแล้ว จะพบกับหน้าที่ให้เขียนคำบรรยาย (Caption) และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการให้เห็นวิดีโอนี้ โดยเราสามารถเผยแพร่เป็นสาธารณะ (Public) เป็นค่าเริ่มต้น หรือจะเลือกตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแบบเฉพาะเพื่อน หรือเฉพาะบางคนตามที่ต้องการก็ได้ แต่ Reels จะไม่มีตัวเลือกโพสต์สำหรับ Only me ซึ่งเป็นการเก็บไว้ดูคนเดียวเหมือนโพสต์ปกติทั่วไปบน Facebook
- เมื่อเขียนแคปชันและตั้งค่าความเป็นส่วนตัวแล้ว ให้กดปุ่มแชร์ (Share Now) เพื่อเผยแพร่คอนเทนต์ลงบนหน้าฟีด
นอกจากนี้ เรื่องที่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ก็คือ Facebook Reels สามารถสร้างรายได้ได้อีกด้วย! โดยทาง Facebook ได้เพิ่มฟีเจอร์ Overlay Ads เข้ามาเพราะเห็นว่าผู้ใช้งานในปัจจุบันนิยมเสพคอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอกันมากขึ้น จึงเปิดให้ครีเอเตอร์สร้างรายได้จากการทำวิดีโอสั้นเหล่านี้ ซึ่งเหมาะสำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่ต้องการโปรโมตแบรนด์ของตัวเองเป็นอย่างมาก
ฟีเจอร์ Overlay Ads คือ ฟีเจอร์ที่ทำให้โฆษณาปรากฏอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น โดยจะมีอยู่สองรูปแบบ ได้แก่ Banner Ads ที่จะปรากฏอยู่ด้านล่างของวิดีโอ และ Sticker Ads ที่จะเป็นภาพนิ่ง ซึ่งครีเอเตอร์สามารถแปะไว้บริเวณไหนของวิดีโอ Reels ก็ได้ โดยฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่สามารถใช้ฟีเจอร์ In-Stream Ads บน Facebook ได้เท่านั้น
ทั้งนี้ ฟีเจอร์ Facebook Reels ยังได้รับการอัปเดตอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อเอื้ออำนวยให้เหล่าครีเอเตอร์ได้สร้างสรรค์ผลงานกันได้อย่างอิสระ ดังนี้
- Remix – คือเครื่องมือที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่ม Reels ของตนเองคู่กับ Reels ของคนอื่น ๆ ที่เปิดแชร์แบบสาธารณะอยู่แล้วบน Facebook ได้ มีลักษณะคล้ายกับ Remix บน Instagram
- 60-second Reels – ทำให้วิดีโอมีความยาวได้ถึง 60 วินาที
- Drafts – เราสามารถสร้าง Reels ไว้ในดราฟต์ได้ ด้วยการเซฟไว้ใน “Save as Draft”
- Video Clipping – เราสามารถสร้างวิดีโอจากคอนเทนต์ที่คนอื่นทำไว้แล้วได้ ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอไลฟ์ หรือวิดีโอขนาดยาวที่ถูกอัปโหลดลงบน Facebook
ในส่วนของการเข้าถึง Facebook Reels ก็สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบเช่นกัน ดังนี้
- Reels in Stories – คือการแชร์ Reels ในฟีเจอร์ Stories บน Facebook จากนั้น ผู้ชมก็จะสามารถเข้าถึงวิดีโอของเราได้จาก Stories
- Reels in Watch – สามารถเข้าถึงได้จากแถบ Watch
- Top of Feed – Reels จะแสดงที่ด้านบนสุดของหน้าฟีด
- Suggested Reels in Feed – ในบางประเทศ แอปพลิเคชันจะแสดงผล Reels ที่คาดว่าผู้ใช้งานจะชื่นชอบได้ โดยคอนเทนต์ที่ขึ้นหน้าฟีดอาจมาจากครีเอเตอร์ที่เราไม่ได้กดติดตาม แต่เป็น Reels แนะนำ หรือ Suggested Reels นั่นเอง
- Crossposting – ฟีเจอร์นี้ แอปพลิเคชันเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถโพสต์ Reels ลงทั้งบน Facebook และบน Instagram ในเวลาเดียวกันได้
เพียงเท่านี้ เราก็สามารถเผยแพร่วิดีโอที่สร้างสรรค์ด้วยตนเองได้แล้ว ซึ่งหากเข้าไปลองเล่นกันดูก็จะพบว่า Facebook Reels มีลูกเล่นสนุก ๆ อีกมากมายให้เราได้ลองใช้ นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังสามารถใช้ได้ผ่านทาง Facebook Group อีกด้วย
เทคนิคการโปรโมตเพจให้ปังด้วย Facebook Reels
หากเราสามารถสร้างสรรค์ Reels ให้น่าสนใจได้ ฟีเจอร์นี้ก็จะเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่เพิ่มยอดผู้ติดตามให้เรา บางทีอาจในระยะเวลาอันสั้นแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Facebook Reels คือเครื่องมือยอดนิยมอีกอันหนึ่งในการสร้างแบรนด์ โดยเฉพาะการทำวิดีโอแนะนำสินค้าหรือบริการแบบสั้น ๆ ที่สนุก สร้างสรรค์ และเข้าถึงได้ง่าย การันตีจากผลสำรวจที่พบว่า ผู้ใช้งานมักจะเลือกดูคอนเทนต์รูปแบบวิดีโอมากกว่าแบบที่เป็นตัวหนังสือยาว ๆ บทความนี้จึงได้รวบรวมเทคนิคการทำ Reels ที่จะช่วยโปรโมตแบรนด์ของทุกคนได้ง่าย ๆ ดังนี้
ดูยอด Save & Shares
ในการจะเพิ่มยอดผู้ติดตามได้นั้น เราต้องรู้ก่อนว่ากลุ่มเป้าหมายของเราอยากเห็นอะไร ด้วยการดูตัวเลขบันทึก (Save) และแชร์ (Shares) เป็นหลัก หากยอดแชร์สูงก็หมายความว่ามีคนส่งโพสต์นั้นไปให้เพื่อนดูบ่อย ๆ หรือหากยอดบันทึกสูงก็หมายความว่ามีคนเซฟโพสต์นั้นไว้ทำตามภายหลังเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ยอด Save & Shares จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่าผู้ใช้งานชอบหรือสนใจเนื้อหาประเภทใด และเราก็ควรสร้างเนื้อหาในรูปแบบคล้าย ๆ กันออกมาอย่างสม่ำเสมอเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
ใส่ซับไตเติล (Subtitles) ดึงผู้คนให้มาติดตาม
การใส่ซับไตเติลก็เป็นวิธีการง่าย ๆ ในการช่วยเพิ่มยอดผู้ติดตามที่หลายคนอาจมองข้าม เนื่องจากผู้ใช้งานนั้นมีอยู่มากมายจากทั่วทุกมุมโลก หากเราใส่ซับภาษาอังกฤษลงไปด้วย ก็จะทำให้มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นจากหลายเชื้อชาติ นอกจากนี้ เรายังต้องหมั่นยิงคำถาม Q&A ให้ผู้ติดตามเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วม (Engagement) รวมทั้งตอบข้อความ (Direct Message) และคอมเมนต์เป็นประจำด้วยเพื่อแสดงความใส่ใจที่มีต่อผู้ติดตาม
คำนึงถึงความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ
หากเราทำให้ Reels กลายเป็นไวรัลได้ ก็อาจจะเป็นกระแสอยู่แค่ประมาณหนึ่งหรือสองเดือนเท่านั้น แต่หลังจากนั้นแล้ว จะทำอย่างไรต่อไปให้คนเข้ามาติดตามเราเรื่อย ๆ ล่ะ? คำตอบคือ เราต้องให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้ชมเกิดภาพจำกับตัวแบรนด์ได้ดีในระยะยาว โดยการทำ Reels ที่ดีนั้้น ควรทำอย่างต่อเนื่อง 5 ครั้งต่อสัปดาห์
ตัดไฮไลต์วิดีโอยาวมาทำ Reels
เชื่อว่าครีเอเตอร์หลายคนคงเคยทำวิดีโอยาว ๆ ลง Facebook ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอตลก วิดีโอเต้น วิดีโอฮาวทู (How-To) โดยเราสามารถโปรโมตคลิปยาวเหล่านั้นได้ด้วยการตัดไฮไลต์ส่วนสำคัญมาทำเป็น Reels สั้น ๆ ไม่เกิน 1 นาที โดยคุณ Bradboy ครีเอเตอร์ชื่อดังได้เปิดเผยถึงเทคนิคนี้เอาไว้ว่า เป็นวิธีที่ทำให้วิดีโอของเขาได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งยังได้ยอดผู้ติดตามเพิ่มเป็นจำนวนมากอีกด้วย
สรุป
ดังนั้น สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำ Facebook Reels คือ การทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเชื่อมโยงกับวิดีโอของเราให้ได้ ด้วยการสังเกตอยู่อย่างสม่ำเสมอว่าเทรนด์ ณ ขณะนั้นคืออะไร ชาเลนจ์หรือเพลงใดบ้างที่กำลังเป็นกระแส และหยิบยกสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาสร้างใหม่พร้อมทั้งใส่ความเป็นตัวเองหรือความเป็นแบรนด์ของเราเข้าไป แล้วผู้ชมก็จะรู้สึกได้ถึงอัตลักษณ์ที่เรามี และจดจำเราได้ในระยะยาว
เนื่องจากเรายังต้องแข่งขันกันอยู่ในการตลาดยุคดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ โซเชียลมีเดียจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่นักการตลาดทุกคนต้องรู้จักใช้อย่างชาญฉลาด แต่ถ้าหากใครยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ดี ทีมงานของ Primal มีผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยสร้างคอนเทนต์โปรโมตแบรนด์ให้ผู้ประกอบการทุกท่านได้เจอกับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม!
Join the discussion - 0 Comment