รับทำ Facebook Marketing 2023 ต้องวางแพลนคอนเทนต์อย่างไร?
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “คอนเทนต์” กลายเป็นพระเอกสำคัญในการทำการตลาดยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Facebook แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้มากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากปัจจุบัน ลูกค้าส่วนใหญ่มักใช้เวลาในโซเชียลมีเดีย และคอนเทนต์ก็คือเครื่องมือชั้นดีที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการสื่อสาร เสนอวิธีแก้ปัญหา หรือแม้แต่การเป็นตัวช่วยตอบคำถามว่าทำไมลูกค้าถึงจำเป็นต้องซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์นั้น ๆ
อย่างไรก็ดี การรับทำ Facebook Marketing ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากนักการตลาดต้องคิดและวางแผนเพื่อสื่อสารให้ลูกค้าเห็นคุณค่าของธุรกิจมากที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การทำ Facebook Marketing ประสบความสำเร็จได้มากกว่าเดิมก็คือ การวางแพลนคอนเทนต์ไว้ล่วงหน้าหรือที่เรียกว่า Content Strategy ซึ่งนักการตลาดควรจะต้องวางแผนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะทำตามอัลกอรึทึมและธรรมชาติของแพลตฟอร์มอย่าง Facebook ด้วย
การวางแพลนคอนเทนต์ Facebook Marketing ที่ดีควรมีเทคนิคอย่างไร แล้วทำไมนักการตลาดออนไลน์ถึงควรให้ความสำคัญกับเรื่อง “การวางแพลน” ไม่แพ้ความสร้างสรรค์ของคอนเทนต์ มาหาคำตอบพร้อมได้เลย!
Table of Contents
ทำความรู้จัก Content Strategy
ก่อนจะไปส่องเทคนิคการวางแพลนคอนเทนต์ เราลองมาทำความรู้จักกับ Content Strategy หรือกลยุทธ์การทำคอนเทนต์กันก่อน
Content Strategy คือกลยุทธ์การทำคอนเทนต์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่การกำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาด เก็บและวิเคราะห์ Insight ลูกค้า ไปจนถึงการวางแผนพัฒนาและสร้างสรรค์คอนเทนต์ให้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งการวาง Content Strategy ยังรวมไปถึงการกำหนดไทม์ไลน์การทำงาน การโพสต์ และช่วงเวลาสำหรับวัดผลลัพธ์ ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็อาจแตกต่างกันไปในการดำเนินงาน โดยคอนเทนต์ที่ออกมานั้นจะครอบคลุมได้ตั้งแต่งานเขียน งานวิดีโอ กราฟฟิก พอดแคสต์ และอื่น ๆ ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์
การวางแพลนคอนเทนต์สำคัญกว่าที่คิด!
จริง ๆ แล้ว การวางแพลนคอนเทนต์สำคัญกว่าที่หลาย ๆ คนคิด เพราะการวางแพลนคอนเทนต์ไว้ล่วงหน้า คือเทคนิคพื้นฐานที่ทำให้ภาพรวมเนื้อหาของแบรนด์มีความชัดเจนและเป็นเอกภาพมากขึ้น ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ทำให้คอนเทนต์มีคุณภาพและเกิดผลลัพธ์ต่อลูกค้าได้สูงสุด
การวางแพลนคอนเทนต์ ยังช่วยให้คุณจัดแจงรูปแบบและเวลาการโพสต์ได้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเดิมด้วย โดยจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของการทำคอนเทนต์ได้เป็นระบบและหมวดหมู่ ทำให้สามารถเห็นภาพรวมได้ว่าในแต่ละหมวดหมู่มีบทบาทอย่างไรในการทำกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการรับรู้ (Awareness) การมีส่วนร่วม (Engagement) หรือแม้แต่ช่วยเพิ่มยอดขาย เพื่อให้สามารถสื่อสารไปยังลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม
การวางแพลนคอนเทนต์ ยังทำให้เกิดความสม่ำเสมอในการเผยแพร่คอนเทนต์ไปด้วยพร้อมกัน ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นกลยุทธ์ที่เป็นมิตรกับอัลกอริทึมของ Facebook อย่างมาก พร้อมกันนั้น การทราบวันหยุดหรือวันสำคัญล่วงหน้าก็จะช่วยให้คุณสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่สอดคล้องกับวันนั้น ๆ ได้ ที่สำคัญ หากทุกอย่างถูกกำหนดลงตารางเอาไว้ก่อน ก็จะช่วยให้คุณมีเวลาตรวจทาน ปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้คอนเทนต์ของคุณมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ดี กลยุทธ์ที่ดียังต้องยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องวางแพลนแบบตายตัวเกินไป เพียงแค่วางให้เข้าใจว่าคอนเทนต์โดยรวมจะไปในทิศทางใดก็พอแล้ว
วางแพลนอย่างไรให้คอนเทนต์ Facebook Marketing ปังที่สุด?
เมื่อรู้แล้วว่าการวางแพลนคอนเทนต์สำคัญไม่แพ้ไอเดีย วันนี้เลยอยากจะพาเหล่านักการตลาดออนไลน์มารู้จักกับเทคนิคการวางคอนเทนต์ให้ปังและเป็นมิตรกับอัลกอรึมของ Facebook ให้มากขึ้น โดยมีสิ่งที่ควรรู้ดังนี้!
แบ่งคอนเทนต์เป็นหมวดหมู่
การทำ Facebook Marketing นั้นไม่ใช่แค่ว่า ทำคอนเทนต์ดีเพียงอย่างเดียวแล้วเพจของคุณจะปังได้ในพริบตา แต่การปั้นเพจที่ดีที่จะต้องสร้างความสนใจให้กับลูกค้าในระยะยาวด้วย นักทำคอนเทนต์จึงจำเป็นจะต้องเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และรู้ถึงความสนใจในด้านต่าง ๆ ของพวกเขาอย่างถ่องแท้ ดังนั้น นักการตลาดอาจแบ่งต้องคอนเทนต์เป็นหมวดหมู่ใหญ่ ๆ เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น คอนเทนต์หมวด Lifestyle, Trend, Education, Brand ฯลฯ เป็นต้น เพื่อเป็นการกำหนดขอบเขตการทำงานให้แคบลง รวมถึงยังจะง่ายต่อการคิดไอเดียในทำคอนเทนต์ที่ตรงใจกับกลุ่มเป้าหมายด้วย
อย่ากำหนดเวลาโพสต์ตายตัว
รู้หรือไม่ว่า? การกำหนดเวลาโพสต์ตายตัว เพื่อให้ผู้กลุ่มเป้าหมายมากดไลก์หรือมีส่วนร่วมกับโพสต์มากที่สุดเป็นเรื่องผิดมหันต์ เนื่องจากอัลกอริทึมของ Facebook ตอนนี้ ปิดการมองเห็นของเพจมากขึ้น ทำให้แทบจะบอกไม่ได้เลยว่าสิ่งที่ทำคอนเทนต์ออกไป จะได้ผลลัพธ์กลับมาตามที่คาดหวังไว้หรือไม่ อย่างไรก็ดี ผู้รับทำ Facebook Marketing ก็ควรที่จะกำหนดเวลาโพสต์ล่วงหน้าไว้ แต่อาจปรับเปลี่ยนไปตามเวลาที่กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ Active มากที่สุด ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับคอนเทนต์จากการโพสต์โดยธรรมชาติและไม่รู้สึกถูกยัดเยียดจนเกินไปด้วย
ไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพ
หากคุณไม่ใช่สำนักข่าว หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือเพจที่ต้องคอยอัปเดตข่าวสารใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา เราขอแนะนำว่า “อย่าอัดคอนเทนต์แน่นเกินไปในแต่ละวัน” เพราะการโพสต์ที่มากเกินไป อาจทำให้ลูกค้ารำคาญและเลื่อนหนีคอนเทนต์ของคุณได้ หรือเลวร้ายที่สุดอาจกดอันไลก์เพจไปเลยก็ได้
โดยเฉลี่ย เราควรโพสต์เพียงวันละไม่เกิน 3-4 โพสต์ก็เพียงพอ หรือหากถ้าเป็นแบรนด์ จะลงคอนเทนต์วันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 3 ครั้งก็ไม่เสียหาย เพียงโฟกัสให้คอนเทนต์มีคุณภาพและเหมาะกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพียงเท่านี้ เพจของเราก็จะน่าอ่านและไม่ดูยัดเยียดคอนเทนต์ให้ลูกค้ามากจนเกินไปแล้ว
ไม่ควรทำคอนเทนต์ Hard Sales มากจนเกินไป
ต่อเนื่องจากข้อก่อนหน้า สิ่งสำคัญอีกอย่างที่คุณควรคำนึงไว้ตั้งแต่การวางแพลนคอนเทนต์ก็คือ ไม่ควรทำคอนเทนต์ Hard Sales จนเกินไป! เพราะไม่มีลูกค้าคนไหนรู้สึกชอบการถูกยัดเยียดหรือติดตามเพจที่เอาแต่ขายของ ดังนั้น หากคุณเป็นนักทำคอนเทนต์มือใหม่ที่เพิ่งรับทำ Facebook Marketing ก็อาจนำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นสาระความรู้ควบคู่ไปกับคอนเทนต์ขายตรง โดยพยายามวางแพลนให้หน้าเพจเป็นเหมือนนิตยสารที่เปิดมาแล้วจะเจอคอนเทนต์หลายรูปแบบ หรือบางครั้งอาจเพิ่มการแชร์คอนเทนต์จากเพจอื่นบ้างก็ได้ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เพจน่าสนใจมากขึ้น และดีกับอัลกอริทึมของ Facebook เองด้วย
โพสต์คอนเทนต์สม่ำเสมอ อย่าให้เพจร้าง!
ถ้าคุณรับทำคอนเทนต์ Facebook Marketing การโพสต์คอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอนับว่าเป็นคีย์สำคัญที่ทำให้เพจ Facebook ของแบรนด์ปังขึ้นได้! โดยคุณอาจกำหนดเป็นปฏิทินคอนเทนต์รายสัปดาห์หรือรายเดือน โดยเน้นความถี่ในการลงแต่ละสัปดาห์ให้คงที่และมีระยะเวลาที่สม่ำเสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้อัลกอริทึมของ Facebook รับรู้ได้ว่าเพจของคุณ Active อยู่ตลอดแล้ว ยังจะช่วยให้ไม่เกิดการปิดกั้นการมองเห็นของเพจ เป็นการสร้างกลยุทธ์ Lead Nurturing ที่ช่วยหล่อเลี้ยงแบรนด์ให้อยู่ในสายตาผู้บริโภคอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาหนีออกจากวงจรการซื้อขายสินค้าของแบรนด์ได้อีกด้วย
สรุป
โลกของการทำคอนเทนต์เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอ ดังนั้นถ้าคุณต้องการสร้างแบรนด์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหรือแม้แต่เป็นนักการตลาดที่รับทำ Facebook Marketing โดยตรง ก็ควรต้องวางแพลนการสร้าง Content Strategy ให้ดี และติดตามเทรนด์อัลกอริทึมของ Facebook อยู่เสมอ ที่สำคัญต้องไม่ลืมทำตามเทคนิคสำคัญต่าง ๆ ที่เราแนะนำไปข้างต้น เพียงเท่านี้ก็จะช่วยต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตได้ยิ่งขึ้นแล้ว
แต่หากผู้ประกอบการท่านใด ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไร หรือควรหาใครมารับทำ Facebook Marketing ดี สามารถมาปรึกษากับบริษัทดิจิทัลเอเจนซีที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญโดยตรงอย่าง Primal Digital Agency ของเราได้เลย เพราะเราเป็นบริษัทรับทำ SEO ชั้นนำที่การันตีด้วยรางวัลและรีวิวจากลูกค้ามากมาย ทั้งยังมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ที่พร้อมปรับ Content Strategy ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ ถ้าพร้อมแล้วก็กรอกรายละเอียด เพื่อปรึกษาเราตอนนี้!
Join the discussion - 0 Comment