Facebook ปรับ Ads Objective 2023 ใหม่ ไม่อยากพลาดรีบอ่าน !
อัปเดตใหม่อีกแล้ว ! Facebook หรือ Meta ได้ปรับเปลี่ยน Ads Objective ใหม่ โดยมีการรวมเป้าหมาย (Objective) บางอันเข้าด้วยกัน เช่น เอา Messenger ไปรวมกับ Engagement (การมีส่วนร่วม) เป็นต้น เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้งาน
เป็นเรื่องปกติมาก ๆ ที่เราจะเห็นทาง Facebook ออกมาอัปเดตนโยบายใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองผู้ใช้งานที่ต้องการทำธุรกิจ หรือทำการตลาดผ่านช่องทาง Facebook, Instagram และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ในเครือของ Meta ซึ่งล่าสุด เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ได้เป็นจุดสิ้นสุดของยุคที่มี Ads Objective 11 หัวข้อ ให้เหลือเพียง 6 ข้อเท่านั้น และในต้นปี 2023 นี้ Facebook ก็ได้ปรับ Ads Objective ใหม่อีกครั้ง
ดังนั้น เพื่อไม่ให้ตกขบวน บทความนี้จะพาทุกคนไปสรุปสาระสำคัญของ Ads Objective ประจำปี 2023 ว่ามีอะไรบ้าง
Table of Contents
Facebook Ads Objective 2022
ก่อนจะไปอัปเดต Facebook Ads Objective 2023 เรามาย้อนความกันก่อนว่าในปี 2022 มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง !
เมื่อปีที่แล้ว Facebook ได้ประกาศปรับ Ads Manager Objective เพื่อช่วยให้เราสามารถเลือกวัตถุประสงค์ (Objective) ที่สอดคล้องและตรงกับเป้าหมายธุรกิจของเรามากที่สุด โดยมีการปรับจากเดิมที่มี 11 หัวข้อ ให้เหลือเพียง 6 หัวข้อ ซึ่งสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้
Facebook Ads Objective 2023
ในปี 2023 นี้ Ads Objective ยังคงเหลือ 6 ตัวเหมือนเดิม คือ Awareness, Traffic, Engagement, Leads, App promotion และ Sales แต่สิ่งที่หายไปคือ “Messenger” ซึ่งถูกนำไปรวมกับ Engagement นั่นเอง แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเราพอมีวิธีที่จะเอา Messenger กลับคืนมา !
วิธีเลือก Facebook Ads Objective 2023
ก่อนอื่น ให้เลือก 6 หัวข้อหลักดังต่อไปนี้ ว่าวัตถุประสงค์ของการโฆษณาของเราคืออะไร
Awareness
- การสร้างการรับรู้ (Brand awareness)
- การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย (Reach)
- การดูวิดีโอ (Video views)
- การมองเห็นร้าน (Store location awareness)
Traffic
- การคลิกโฆษณา (Link clicks)
- การเข้าชมเว็บไซต์ (Landing page views)
- การทักข้อความ (Messenger and WhatsApp)
- การกดโทร. จากโฆษณา (Calls)
Engagement
- สนับสนุนให้คนเริ่มสนทนา (Messenger, Instagram and WhatsApp)
- การดูวิดีโอ (Video views)
- การมีส่วนร่วมกับโพสต์ (Post engagement)
- กระตุ้นให้เกิดการกระทำบางอย่างบนเว็บไซต์และแอปฯ (Conversions)
Leads
- การแชร์ข้อมูลการติดต่อผ่านฟอร์ม (Instant Forms)
- การแชร์ข้อมูลการติดต่อผ่านข้อความ (Messenger)
- การแชร์ข้อมูลการติดต่อผ่านเว็บไซต์ (Conversions)
- การกดโทร. จากโฆษณา (Calls)
App promotion
- การดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน (App installs)
- การกระทำบนแอปพลิเคชัน (App events)
Sales
- การซื้อสินค้าหรือรับบริการผ่านทางเว็บไซต์ (Conversions)
- การซื้อสินค้าหรือรับบริการโดยการใช้แค็ตตาล็อก (Catalog sales)
- การกระตุ้นให้คนซื้อผ่านการทักข้อความ (Messenger and WhatsApp)
- การกดโทร. จากโฆษณา (Calls)
เมื่อเลือก Objective หลักเสร็จแล้ว เราก็จะมาเลือกหัวข้อย่อย โดยให้เลือกที่ระดับ New Traffic Ad Set ในส่วนนี้เองที่เราจะสามารถนำ Messenger กลับคืนมาได้ วิธีการ คือ หลังจากคลิก New Traffic Ad Set แล้ว ให้เลือก Messenger
แต่ ! Messenger มีทั้งใน Traffic, Engagement, Leads และ Conversions แล้วแต่ละแบบต่างกันอย่างไรล่ะ
- Messenger ใน Traffic จะพาคนจากหน้า Facebook Feed ไปที่ Messenger
- Messenger ใน Engagement จะแสดงแค่บน Messenger App ไม่แสดงใน Facebook Feed
- Messenger ใน Leads จะแสดงใน Facebook Feed แล้วเวลากดเข้ามาจะเป็นการตั้งคำถามให้คนกรอก ไม่เน้นการคุยกับแอดมิน
- Messenger ใน Conversions จะเน้นให้เกิดยอดขาย หรือยอดการบรรลุเป้าหมายผ่าน Messenger
ดังนั้น ใครที่อยากได้ Messenger แบบปกติที่เราคุ้นเคยกลับมา ก็ต้องเลือก Traffic นั่นเอง
Ads Objective เปลี่ยนใหม่แล้วยังไง ส่งผลอะไรบ้าง
ข้อดีที่ช่วยให้ทีมทำงานง่ายขึ้น
- Facebook ปรับ Ads Objective ช่วยให้ทีมกำหนดค่าได้ง่ายและเหมาะสมกับเป้าหมายทางการตลาดมากขึ้น ลดความสับสนจากตัวเลือกที่วุ่นวายและอาจทับซ้อนกัน จบปัญหาเลือก Objective พลาดแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่ดี จึงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยิงแอด
- Ads Manager จะช่วยวิเคราะห์จุดประสงค์ในการยิงแอด พร้อมแนะนำการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายทางการตลาด
- เอื้อต่อการรันแคมเปญหลากหลายช่องทาง เช่น เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นต้น
สรุป
เรียกได้ว่า การที่ Facebook ปรับ Ads objective ใหม่นั้นจะช่วยให้ทีมการตลาดของคุณเข้าหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำกว่าและมีโอกาสสร้างยอดขายที่มากขึ้นแม้จะต้องเจอกับความท้าทายของนโยบาย Facebook อย่างไรก็ตาม หากใครที่ไม่ได้ทำแคมเปญ Conversions, Messages และ Video Views ก็แทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเลย เพราะหลัก ๆ เป็นการจับกลุ่มหมวดหมู่ที่ทับซ้อนหรือคล้ายคลึงกัน และช่วยให้คุณยิงแอดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง
สุดท้ายนี้ Facebook Ads จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีหรือไม่ ก็ต้องอาศัยทั้งการกำหนด Objective และกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ รวมไปถึงการเลือกขนาดรูปภาพโฆษณา Facebook ที่เหมาะสมตามแต่ละ Objective และ Customer Journey ด้วย เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถใช้งบทุกบาททุกสตางค์ได้อย่างคุ้มค่าที่สุดแล้ว
หากใครกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยเหลือด้านการตลาด Primal Digital Agency ยินดีให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจบนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดต่อเราเพื่อรับแผนการตลาดฟรีได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment