Yoast SEO คืออะไร ? รู้จักปลั๊กอินช่วยเสริมประสิทธิภาพ SEO

เทคนิคการทำ SEO (Search Engine Optimisation) นั้นมีอยู่หลายประการจนนับไม่ถ้วน แต่หนึ่งในวิธีหลัก ๆ ก็คือการเขียนบทความที่มีคีย์เวิร์ดสำคัญเป็นส่วนประกอบ แต่เพราะการจะเขียนเนื้อหาให้มีทั้งคุณภาพ ทั้งตอบโจทย์สิ่งที่อัลกอริทึมของ Search Engine ต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการช่วยชี้แนะว่าควรเขียนอย่างไร เพิ่มคีย์เวิร์ดตรงไหน ต้องมีกี่คำ เพื่อให้บทความ SEO ที่ออกมามีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสติดแรงก์ให้ได้มากที่สุด

บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักว่า Yoast SEO คืออะไร และช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ บนเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับเครื่องมือค้นหามากขึ้นได้อย่างไร !

Yoast SEO คือ ปลั๊กอินบน WordPress ที่ช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น

Yoast SEO คืออะไร

Yoast SEO คือ ปลั๊กอินสำหรับ WordPress ที่ได้รับความนิยมจากนัก SEO ทั่วโลก มีหน้าที่ช่วยในการปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อการทำ SEO โดยเฉพาะ แม้ไม่ใช่นักพัฒนามืออาชีพ หรือไม่มีความรู้ทางเทคนิคมากนักก็สามารถใช้ได้

 

Yoast SEO มีประโยชน์อย่างไร

ช่วยวิเคราะห์เนื้อหา

เมื่อเราเขียนบทความ SEO แล้วนำเนื้อหาไปวางใน WordPress ซึ่งติดตั้ง Yoast SEO ไว้เรียบร้อยแล้ว ปลั๊กอินจะตรวจสอบเนื้อหาดังกล่าวและให้คำแนะนำในการปรับปรุงเนื้อหา เพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ SEO มากขึ้น เช่น การใช้คีย์เวิร์ดเป็นธรรมชาติแล้วหรือยัง ความยาวของเนื้อหาเหมาะสมแล้วหรือไม่ หรือแม้กระทั่งความยาก-ง่ายในการอ่าน ช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่เป็นมิตรกับทั้ง Search Engine และผู้อ่านที่เป็นมนุษย์ได้

ช่วยจัดการ Meta Tags

Yoast SEO มีประโยชน์ในการช่วยให้คุณสามารถจัดการ Title Tags และ Meta Descriptions ได้ดียิ่งขึ้น กล่าวคือ จะมีการจำลองภาพการแสดงผลบนหน้า Google ว่า หากเราใช้ Title และ Meta แบบนี้ จะสามารถแสดงผลได้ครบทุกตัวอักษรหรือไม่ พร้อมมีแถบสีที่บอกถึงความยาวที่เหมาะสมด้วย โดยสีเขียวคือเหมาะสมที่สุด สีเหลืองคืออยู่ในเกณฑ์จำนวนตัวอักษรที่กำหนดแล้ว แต่ควรเขียนเพิ่มอีกให้เป็นสีเขียว ส่วนสีแดงคือจำนวนตัวอักษรเกิน ต้องตัดคำ โดยสิ่งเหล่านี้ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับความสวยงามในการแสดงผลบนหน้า SERP แล้ว ยังอาจช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ได้มากขึ้นด้วย

สร้าง XML Sitemap อัตโนมัติ

Yoast SEO คือปลั๊กอินที่สามารถสร้างและอัปเดต XML Sitemap ได้แบบอัตโนมัติ ช่วยให้อัลกอริทึมของ Search Engine เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณได้ดียิ่งขึ้น ทำให้การ Crawl และ Index เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนั้น เว็บไซต์ของคุณก็จะมีโอกาสติดแรงก์ต้น ๆ บนหน้าแรก

ควบคุมวิธีการแสดงผลของเนื้อหาเมื่อมีการแชร์บนโซเชียลมีเดีย

นอกจากจะช่วยดูแลเนื้อหาที่ลงเว็บไซต์แล้ว Yoast SEO ยังมีประโยชน์สำหรับเนื้อหาที่แชร์ไปยังโซเชียลมีเดียอีกด้วย โดยคุณสามารถกำหนดรูปภาพ ข้อความ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่จะแสดงเมื่อเนื้อหาได้รับการแชร์ไปยังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความสวยงามให้แก่ฟอร์แมตของเนื้อหา ซึ่งจะดึงดูดความสนใจจากผู้ชมและเพิ่มโอกาสในการคลิกได้มากขึ้น

ช่วยจัดการ Structured Data

Yoast SEO ช่วยให้คุณสามารถเพิ่ม Structured Data หรือ Schema Markup ให้แก่เนื้อหาได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้คือสิ่งที่เอื้อให้ Google เข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ดีขึ้น และอาจนำไปสู่การแสดงผลแบบ Rich Snippets ในหน้าผลการค้นหา ซึ่งจะเสริมประสิทธิภาพในการทำ SEO เป็นอย่างมาก

วิธีใช้ Yoast SEO กับบทความบนเว็บไซต์

วิธีใช้ Yoast SEO ให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสติดแรงก์

ใช้ Focus Keyphrase อย่างชาญฉลาด

เพราะการเลือก Focus Keyphrase หรือคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม คือหัวใจสำคัญของการทำ SEO ดังนั้น ควรเลือกคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ที่เหมาะสม จากนั้นก็ใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้เป็นส่วนประกอบสำคัญของบทความ ตั้งแต่ชื่อเรื่อง หัวข้อย่อย ไปจนถึงการกระจายตามส่วนต่าง ๆ ในเนื้อหา แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้ดูเป็นการยัดคีย์เวิร์ดจนเกินไป (Keyword Stuffing) เพราะแทนที่จะได้อันดับดี ๆ อาจจะกลายเป็นผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามได้เลย

ปรับแต่ง Title และ Meta Description ให้น่าสนใจ

Title และ Meta ที่ดี ไม่ใช่แค่เพียงมีคีย์เวิร์ดอยู่ในนั้น แต่รูปประโยคควรจะต้องสามารถดึงดูดความสนใจจากผู้อ่านได้ด้วย กล่าวคือ สรุปเนื้อหาได้ดีและกระตุ้นให้ผู้ใช้คลิกอ่านได้ โดยวิธีใช้ Yoast SEO ในการจัดการ Title Tags คือ ให้คลิกตรง Snippet Preview เพื่อดูว่าหน้าเว็บฯ ของคุณจะแสดงผลในหน้า SERP อย่างไร แล้วใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ดังกล่าวเพื่อปรับแต่ง Title และ Meta ให้น่าสนใจมากที่สุด

แบ่งเนื้อหาเป็นย่อหน้าสั้น ๆ เพื่อให้อ่านง่าย หรือใช้ Subheadings (H2, H3, H4) เพื่อแบ่งเนื้อหาเป็นส่วน ๆ

การแบ่งเนื้อหาเป็นย่อหน้าสั้น ๆ และใช้ Subheadings จะช่วยให้บทความอ่านง่ายขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับทั้งผู้อ่านและอัลกอริทึมของ Search Engine หากเริ่มรู้สึกว่าย่อหน้ายาวเกินไป อ่านแล้วเหนื่อย ลองเปลี่ยนมาใช้ H2, H3, H4 เพื่อแบ่งเนื้อหาเป็นส่วน ๆ และทำให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้น ยิ่งถ้าหากใส่คีย์เวิร์ดลงไปใน Subheading ใหญ่ ๆ อย่าง H2 อย่างเป็นธรรมชาติ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ได้อีก

เพิ่ม Internal Link ที่เหมาะสม

เวลาเขียนเนื้อหาลงเว็บไซต์ พยายามสร้าง Internal Link ไปยังเนื้อหาที่เกี่ยวข้องภายในเว็บไซต์ด้วย โดยใช้ Anchor Text ที่มีความหมายและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาปลายทาง ซึ่งฟีเจอร์หนึ่งของ Yoast SEO มีประโยชน์มาก ได้แก่ Internal Linking Suggestions ช่วยให้คุณหาโอกาสในการสร้างลิงก์ได้ง่ายและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายที่สุด การปรับแต่ง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้ทั้งผู้ใช้และอัลกอริทึมเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ได้ดีขึ้น โดยควรสร้าง URL ที่สั้น กระชับ มีความหมาย และแทรกคีย์เวิร์ดสำหรับเนื้อหาในหน้านั้น ๆ เอาไว้ด้วยหากเป็นไปได้ รวมถึงใช้ตัวคั่นที่อ่านง่าย เช่น ขีดกลาง (-) แทนช่องว่างหรือเครื่องหมายอื่น ๆ

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือ แม้ Yoast SEO จะมีประโยชน์มากมาย แต่ปลั๊กอินนี้ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในกระบวนการทำ SEO เท่านั้น การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและมีคุณค่าสำหรับผู้อ่านยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จ หากสนใจทำ SEO อย่างมืออาชีพ ติดต่อ Primal ได้เลยวันนี้ เราเป็นบริษัทรับทำ SEO สายขาวชั้นนำของไทยที่มีนักการตลาดผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขากว่า 150 คน พร้อมช่วยผลักดันให้ธุรกิจคุณมุ่งสู่เป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ