UTM คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรกับการทำ Digital Marketing

UTM คือ เครื่องมือที่ช่วยวัดผลทางการตลาด โดยตรวจสอบว่าผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามาจากแพลตฟอร์มใดหรือโฆษณาตัวใด ทำให้เราสามารถวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญทางการตลาด การเลือกใช้แพลตฟอร์ม และรูปแบบสื่อที่เหมาะสม เพื่อนำไปปรับปรุงแผนการตลาดออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป 

จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กระตุ้นให้โลกดิจิทัลเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น โดยใน 2564 ที่ผ่านมา คนไทยอยู่ในโลกออนไลน์เฉลี่ย 9.6 ชั่วโมงต่อวัน นับเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง และมีการใช้งานที่หลากหลาย แค่เฉพาะแพลตฟอร์มที่เป็นโซเชียลมีเดีย คนไทยก็ใช้ประมาณ 7.6 แพลตฟอร์ม ทำให้นักการตลาดออนไลน์ต้องวางแผนและเลือกใช้แพลตฟอร์มที่เหมาะมากที่สุด แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแพลตฟอร์มไหนเวิร์กกับแบรนด์ของเรามากที่สุด หรือแคมเปญไหนกระแทกตาโดนใจกับกลุ่มเป้าหมาย การทำ UTM Tracking คือคำตอบนั่นเอง วันนี้เราจะพาเจ้าของแบรนด์และนักการตลาดออนไลน์ไปรู้จักกับ UTM ว่าคืออะไร และสามารถวัดผลทางการตลาดได้อย่างไรบ้าง 

UTM คืออะไร

UTM หรือที่หลายคนเรียกว่า UTM Link, UTM Tracking, UTM Tags แต่ทั้งหมดนี้คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรกับคนทำการตลาดออนไลน์? ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันได้เลย  

UTM ย่อมาจาก Urchin Tracking Modules คือหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยวัดผลการตลาด โดยจะทำให้เราทราบว่ายอด Traffic ที่เข้ามาในเว็บไซต์ของเรานั้นมาจากเว็บไซต์ใด สื่อใด ช่องทางใด หรือแคมเปญใด ผ่านการเก็บข้อมูลและประมวลผลของ Google Analytics ซึ่งจะช่วยวัดผลทางการตลาดและคัดเลือกเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่เวิร์กสำหรับแบรนด์ของเรา ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถนำไปวางแผนและกระจายงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หน้าตาของ UTM จะมีลักษณะของ Link ของ Landing Page ที่ยาวขึ้นกว่าต้นฉบับ ตัวอย่างเช่น 

Link ที่ไม่ได้ทำ UTM คือ www.primal.co.th/seo/

Link ที่ใส่ UTM คือ www.primal.co.th/seo/?utm_campaign=what-is-seo &utm_medium=email&utm_source=newsletter 

วิธีการใช้ สามารถทำได้ด้วยการให้เราเอา Link ที่ติด UTM Tracking ไปใช้แทน Link ปกติ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย 

สำหรับใครที่ไม่ชอบความยุ่งยาก หรือไม่อยากพิมพ์พลาด สามารถใช้เว็บไซต์ที่ให้บริการสร้าง UTM Link ที่มีอยู่หลากหลายเว็บฯ ที่ให้บริการ รวมถึงของ Google เอง โดยกรอกเฉพาะชื่อ Source, Medium และ Campaign ก็สามารถ Copy มาใช้ได้เลย หรือหากว่าใครอยากย่นย่อก็สามารถไปที่เว็บสำหรับ Shorten URL ได้เช่นกัน 

UTM Parameters มีอะไรบ้าง

องค์ประกอบของ UTM หรือ Parameter จะมีทั้งหมด 5 องค์ประกอบด้วยกัน แต่โดยพื้นฐานแล้วจะใช้เพียง 3 อย่างเท่านั้น คือ utm _source, utm_medium และ utm_campaign และอีก 2 อย่างที่เหลือคือ utm _content และ utm_term 

1. Source จะบอกถึง Traffic เหล่านี้ ว่ามาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ไหน อีเมลไหน แพลตฟอร์มอะไร ที่พาให้คนเข้าชมเว็บไซต์ของเรา 
2. Medium สื่อ หรือสิ่งที่ทำให้คนกดเข้ามาหาเรา เช่น แบนเนอร์ ลิงก์ วิดีโอ หรือสื่ออื่น ๆ ที่เชื่อมมายังเว็บไซต์ของเรา 
3. Campaign ชื่อแคมเปญที่เราใช้ในการทำการตลาด เช่น songkran, midyearsale 
4. Content เนื้อหาที่แยกย่อยลงไปในแคมเปญ เช่น ใน 1 แคมเปญทำหลายรูปภาพ เราอาจจะกำหนดพารามิเตอร์ Content เข้าไปเพิ่ม เพื่อวัดผลว่ารูปภาพแบบใดที่คนคลิกมากกว่ากัน 
5. Term เป็นพารามิเตอร์ที่ใช้ในการซื้อโฆษณาใน Google Ads แบบใช้ Keyword เพื่อบอกว่ามาจาก Keyword ไหนในแคมเปญ 

ประโยชน์ของ UTM คืออะไร

หลายคนอาจจะคิดว่าการทำ UTM Tracking คือสิ่งที่ยุ่งยาก แต่ความเป็นจริงแล้ว การใช้ UTM มีประโยชน์มากกว่าที่เราคิด 

1. วัดผลและวิเคราะห์แคมเปญการตลาดออนไลน์ได้แม่นยำมากยิ่งขึ้น เพื่อที่เราจะได้ปิดช่องทางที่ไม่ช่วยเพิ่ม Traffic หรือยอดขายให้เว็บไซต์ของเรา 
2. สามารถเลือกรูปแบบและช่องทางของสื่อได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากว่ามียอดคลิกจากอีเมลจำนวนมาก แสดงว่าการตลาดแบบ e-Mail Marketing ใช้ได้ผลดีในธุรกิจของเรา
3. ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เราไม่ต้องหว่านแห หรือปูพรมในทุกแพลตฟอร์ม ดังนั้น หากช่องทางไหนไม่เวิร์ก ยกเลิกไปเลยดีกว่า 
4. เพื่อเป็นแนวทางในการวางแผนการตลาดในอนาคต ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 
5. ช่วยในการขยับตำแหน่งใน Search Engine Result Page หรือการทำ SEO ยิ่งทำหน้า Landing Page ที่มีคุณภาพ ก็จะยิ่งส่งผลต่อ SEO ของเว็บไซต์ของเราอีกด้วย 

แถมท้ายด้วยการ Redirect ด้วย 301 และ 302

สำหรับใครที่กำลังทำเว็บไซต์ใหม่ เว็บเก่าล่ม หรืออยากเปิดเว็บไซต์ใหม่ แต่ติดที่เสียดายอันดับในเว็บเดิมที่ทำไว้ สามารถใช้เทคนิค 301 Redirect สำหรับการย้ายเว็บไซต์แบบถาวร และ 302 Redirect สำหรับการย้ายเว็บชั่วคราว 

การทำ UTM Tracking คือสิ่งสำคัญที่นักการตลาดออนไลน์ควรทำเพื่อวัดผลแคมเปญทางการตลาด อย่างการทำ Google Ads หรือในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือง่าย ๆ แต่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือฟรี เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ชาว Primal ขอแนะนำ