Google Shopping Ads คืออะไร? รูปแบบโฆษณาที่คนขายของต้องรู้

ปัจจุบันนี้ ไม่ว่าใคร ๆ ก็หันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะบางเบาลงมากแล้ว แต่ด้วยความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าเดินทาง ก็ทำให้การซื้อ-ขายออนไลน์ยังคงเป็นที่นิยมอยู่และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่เกิดขึ้นใหม่แทบทุกวัน ตลอดจนฟังก์ชันต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าออนไลน์ให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือฟังก์ชัน “Google Search Ads” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า Google Ads นั่นเอง โดยเมื่อเราเซิร์ชหาสิ่งที่ต้องการ เว็บไซต์ที่ใช้บริการ Google Ads ก็จะปรากฏขึ้นมาบนหน้าการค้นหาเป็นอันดับแรก ๆ

แน่นอนว่านอกจากขึ้นเป็นอันดับแรก ๆ แล้ว เราคงเคยเห็นบางเว็บไซต์มีรูปภาพสินค้าและราคาขึ้นมาทางด้านขวามือด้วย สิ่งนี้เองที่เป็นโฆษณา Google ที่เราเรียกว่า “Google Shopping Ads”

Google Shopping Ads หรือ Product Listing Ads (PLAs)

Google Shopping Ads คืออะไร?

เคยไหม? ลงขายของแทบตายแต่ก็ยังขายไม่ได้ โปรโมตทุกช่องทางแล้ว อะไรก็แล้ว ยอดขายก็ยังไม่เพิ่ม ต้องบอกว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่มากนัก เพราะทุกวันนี้ ไม่ว่าธุรกิจไหน ๆ ก็ผันตัวเข้าสู่วงการร้านค้าออนไลน์ ทำให้การแข่งขันในตลาดสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ต่อให้โปรโมตร้านค้าหนักขนาดไหนก็มีสิทธิ์ที่จะปังสู้ร้านอื่นไม่ได้ ดังนั้น Google Shopping คือฟังก์ชันที่ถือกำเนิดมาเพื่อช่วยเหล่าผู้ประกอบการให้นำเสนอสินค้าของตนเองในรูปแบบที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

Google Shopping Ads คือ หนึ่งในโฆษณาของ Google Ads ที่เป็นการนำเสนอสินค้าในรูปแบบ Shopping Card โดยจะแสดงรูปภาพสินค้า ราคา และชื่อสินค้าไว้ในการ์ดเดียว เพื่อให้ผู้ที่สนใจในตัวสินค้าเซิร์ชเข้ามาแล้วเจอสินค้าได้ง่าย มองเห็นข้อมูลครบครัน และตัดสินใจเข้ามาซื้อได้ทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนที่ยุ่งยาก

เรียกได้ว่า Google Shopping Ads คือโฆษณาที่เหมาะสมกับร้านค้าออนไลน์ที่มีสินค้าเยอะ ๆ แต่สินค้านั้น ๆ อาจต้องเป็นที่รู้จักในวงกว้างอยู่พอสมควร เพราะต้องเป็นสินค้าที่มีคีย์เวิร์ดตรงกับสิ่งที่ผู้คนมักเซิร์ชหาด้วย

 

ข้อดีของ Google Shopping Ads คืออะไรบ้าง?

สร้างความโดดเด่นในการโฆษณา

เมื่อเราใช้ Google Shopping Ads แล้ว แน่นอนว่าเวลาที่คนค้นหาชื่อสินค้า เว็บไซต์เราจะขึ้นอยู่ด้านบนสุดและด้านข้างของหน้าการค้นหา อีกทั้งพื้นที่ของ Google Shopping Ads ยังมีมากกว่าการใช้ Google Ads แบบธรรมดา ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ใช้งานค้นหาบนโทรศัพท์มือถือ Google Shopping Ads ก็จะกินพื้นที่เกือบ 100% ของหน้าจอเลยทีเดียว ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่กลุ่มเป้าหมายจะไม่เห็นสินค้าของเรา

มีภาพสินค้า เรียกความสนใจจากลูกค้าได้มากขึ้น

จากการสำรวจพบว่า ผู้ใช้งานคลิกเข้ามาที่ร้านค้าที่ใช้ Shopping Ads มากกว่า Text Ads ธรรมดา ๆ ถึง 30%

ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า Google Shopping Ads คือโฆษณาที่ดึงดูดสายตาของผู้ใช้งานด้วยรูปภาพสินค้า เพราะเมื่อเซิร์ชหาสินค้า โฆษณา Google Shopping Ads ก็จะปรากฏภาพสินค้าพร้อมทั้งราคาขึ้นมาทันที สร้างแรงจูงใจให้ผู้คนคลิกเข้าไปดูสินค้าต่อ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้ไว้ขึ้นอีกด้วย

โดยเทคนิคในการทำรูปเพื่อนำมาประกอบการโฆษณา Google Shopping Ads มีดังนี้

  • ต้องมีขนาด 250 x 250 Pixels ขึ้นไป
  • รูปสินค้าต้องมีความคมชัด หากใช้พื้นหลังสีขาวหรือสีพื้นที่ตัดกับสีของสินค้าก็จะช่วยทำให้สินค้าดูเด่นขึ้น
  • ไม่ควรมีลายน้ำหรือข้อความใด ๆ บนรูป เพราะนอกจากจะทำให้สินค้าดูดรอปลงแล้ว ยังผิดนโยบายโฆษณาด้วย

สามารถเข้าถึงสินค้าได้สะดวกและรวดเร็ว

เมื่อลองเปรียบเทียบกับการโปรโมตสินค้าแบบ Organic Search ทั่วไปแล้วนั้น ผู้ใช้งานจะต้องค้นหาสินค้าตามเมนูต่าง ๆ หลายขั้นตอนกว่าจะไปถึงตัวสินค้า และหากสินค้าของทางร้านมีจำนวนมาก ผู้ใช้งานเหล่านั้นก็จะต้องเลื่อนหาเป็นเวลานาน ซึ่งถ้าหาไม่เจอ ก็มีสิทธิ์ที่พวกเขาจะออกจากเว็บไซต์เราไปหาเว็บไซต์อื่นแทน ยิ่งไปกว่านั้น การโฆษณาแบบ Organic Search ยังต้องใช้เวลาและความพยายามในการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์เราติดอันดับต้น ๆ บนหน้าแรกของการค้นหา

ทว่าการใช้โฆษณาของ Google Shopping Ads เข้ามาช่วย จะทำให้ผู้ที่เซิร์ชหาสินค้าที่เรากำลังขายสามารถเข้าถึงสินค้าได้ทันทีเพียงคลิกเดียว ทั้งยังมีรายละเอียดสินค้าอย่างรูปภาพ ชื่อรุ่น และราคาบอกไว้อย่างครบถ้วน ช่วยทำให้ลูกค้าตัดสินใจกดสั่งซื้อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

ขึ้นหน้าแรกของการค้นหาแน่นอน

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ทำธุรกิจออนไลน์ต้องรู้จักการทำ SEO และเคยผ่านช่วงเวลาที่ต้องรีเซิร์ชข้อมูลมากมายเพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองติดอันดับบนหน้าแรกของ Google กันมาแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าการทำโฆษณาแบบ Google Shopping Ads จะช่วยให้เราลดเวลาในการทำงานส่วนดังกล่าวไปได้มาก เนื่องจากมีการรับประกันว่าเว็บไซต์เราจะขึ้นหน้าแรกของ Search Engine อย่างแน่นอน โดยเมื่อกลุ่มเป้าหมายเซิร์ชหาสินค้า Google Shopping Ads ก็จะดึงรูปพร้อมข้อมูลสินค้าขึ้นมาแสดงแบบเด่น ๆ ให้ลูกค้าเห็นทันที ทำให้ลูกค้าสนใจสินค้าของเราก่อนเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ Google Shopping Ads

ไม่ต้องเหนื่อยคิดคีย์เวิร์ด

ข้อดีที่สืบเนื่องมาจากข้อที่แล้วก็คือ เราจะไม่ต้องเหนื่อยเรื่องคิดหรือรีเซิร์ชหาคีย์เวิร์ดเพื่อมาเขียนโปรโมตสินค้าอีกต่อไป เพราะ Google Shopping Ads คือเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในส่วนนี้ให้แก่เราแล้ว กล่าวคือ อัลกอรึทึมของ Google จะเป็นตัวกำหนดเองว่าสินค้าชิ้นไหนที่ควรนำมาแสดง ผ่านการดึงข้อมูลบนเว็บไซต์ของร้าน หรือข้อมูลสินค้าที่เราใส่ไว้ใน Shopping Feed โดยอัตโนมัติ

เช็กเรตติงร้านค้าได้ทันที

 หากร้านเรามีสินค้ามากมายหลายประเภท ก็เป็นเรื่องยากที่จะมานั่งเช็กทีละตัวว่าสินค้าตัวไหนมีกระแสตอบรับเป็นอย่างไร แต่ Google Shopping Ads จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถวัดผลคุณภาพการซื้อ-ขายได้สะดวกและรวดเร็ว ด้วยการดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ออกมาให้เราดูว่าสินค้าตัวไหนที่มีคนเซิร์ชหา หรือคลิกเข้ามามากที่สุด และเราสามารถนำผลที่ได้ไปวางแผนต่อยอดในการทำการตลาดขั้นต่อไปได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การจัดโปรโมชันสินค้าตัวที่ขายดีที่สุดเพื่อเรียกลูกค้า หรือการพัฒนาปรับปรุงสินค้าที่ยังกระแสตอบรับไม่ดีมากนัก ให้มีคุณภาพที่ดีขึ้นและเป็นไปในทิศทางที่ตลาดต้องการ เป็นต้น

 

Google Shopping Ads ใช้ยังไง?

ในการเริ่มต้นใช้งาน Google Shopping Ads จะมี 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่

สมัครบัญชี Merchant Center Account

ขั้นตอนแรก คือการเข้าไปยังเว็บไซต์ Merchant Center เพื่อสมัครบัญชีสำหรับ Google Merchant Center ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการอัปโหลดรูปภาพและข้อมูลสินค้า ในการนำมาใช้งานร่วมกันกับ Google Ads Account

ตั้งค่าสินค้าใน Shopping Product Feed

หลังจากที่สมัคร Google Merchant Center เรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อมาคือการใส่รายละเอียดสินค้าต่าง ๆ ของตนเองลงไปในระบบ Product Feed เพื่อให้ Google Shopping Ads แสดงผลข้อมูลตามที่เราต้องการ

ตั้งค่าโฆษณา Google Shopping Ads

ขั้นตอนสุดท้าย คือการสร้างแคมเปญโฆษณา Google Shopping Ads โดยเราจะต้องมี Merchant Center Account และใส่รายละเอียดสินค้าใน Shopping Feed Product ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นเราก็สามารถสร้างแคมเปญได้ด้วยขั้นตอนย่อยดังต่อไปนี้

  • ไปยังหน้าเว็บไซต์ Google Ads
  • เพิ่มแคมเปญโฆษณาใหม่
  • เลือกเป้าหมายในการโฆษณา (Sales, Leads, Website Traffic, Product and brand consideration, Brand awareness and reach และ App promotion)
  • เลือกประเภทแคมเปญเป็น “Shopping”
  • เลือกลิงก์ที่จะเชื่อมต่อกับ Merchant Center Account
  • กำหนดงบประมาณ
  • กดบันทึก และเริ่มทำการโฆษณา

 

สรุป

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ โฆษณา Google Shopping Ads เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะมีผู้บริโภคจำนวนนับไม่ถ้วนที่ใช้ Google ในการค้นหาสินค้าที่ตนเองต้องการ และบางทียังมีการค้นหาสินค้าเดียวกันจากหลาย ๆ ร้านเพื่อเปรียบเทียบรุ่น สี หรือราคาด้วย ดังนั้น เพื่อให้ร้านค้าของเรากลายเป็นร้านอันดับต้น ๆ ในใจของลูกค้า Google Shopping Ads ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มยอดขายของเราให้มากขึ้น ส่วนในเรื่องค่าใช้จ่ายของ Google Shopping Ads นั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการคลิกเข้ามาที่ Shopping Card หรือพูดง่าย ๆ ก็คือเหมือนกับ Google Ads ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่ราคาต้นทุนต่อการคลิป (CPC) ของ Google Shopping Ads จะสูงกว่าโฆษณาแบบข้อความปกติ แต่รับรองว่าผลที่ได้จะคุ้มค่ากับราคาที่เสียไปอย่างแน่นอน