Bandwidth คืออะไร เรื่องต้องรู้ก่อนลงมือทำเว็บไซต์ของตัวเอง!
ในโลกอินเทอร์เน็ตนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลถึงการแสดงผลของเว็บไซต์ต่าง ๆ หลายครั้งคุณอาจจะเคยพบปัญหาว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตของคุณมีเต็มเปี่ยม แต่ทำไมพอเข้าชมบางเว็บไซต์แล้วถึงเจอความหน่วงในการโหลด ซึ่งมันก็น่าหงุดหงิดใจเสียเหลือเกินใช่ไหม
ทีนี้ถ้าหากคุณลองมองในอีกมุมหนึ่งว่า คุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง คุณออกแบบ จัดวาง ตกแต่ง วางแผนผังเว็บไซต์มาอย่างดี มีคอนเทนต์ที่คุณต้องการจะนำเสมอมหาศาล แต่ยอดการเข้าชมนั้นดันสวนทางกับยอดผลลัพธ์อื่น ๆ แถมเว็บไซต์ของคุณยังประมวลผลช้า ต้องใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะโหลดขึ้นอีกต่างหาก
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักจะเกิดจากปัญหาในส่วนของ “Bandwidth” (แบนด์วิดท์) ว่าแต่เจ้าสิ่งนี้คืออะไร มาหาคำตอบกัน!
Table of Contents
Bandwidth (แบนด์วิดท์) คืออะไร
Bandwidth (แบนด์วิดท์) คือการวัดจำนวนการรับส่งข้อมูลจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งภายใต้เครือข่ายการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ในเชิงเปรียบเทียบ Bandwidth เปรียบดั่งท่อน้ำ และข้อมูลต่าง ๆ (Data) เปรียบดั่งน้ำ ซึ่งจำนวนของน้ำที่สามารถส่งผ่านท่อนั้น ๆ ได้ก็คือจำนวนสูงสุดของข้อมูลที่สามารถส่งผ่านแบนด์วิดท์ได้นั่นเอง
หน่วยของ Bandwidth
หน่วยวัดดั้งเดิมของ Bandwidth นั้นคือ “บิตต่อวินาที” (Bits per second/Bps) แต่ในปัจจุบันนั้นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีความรวดเร็วและขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ทำให้หน่วยมาตรวัด Bps นั้นน้อยเกินไปแล้ว มาตรวัดของแบนด์วิดท์ในปัจจุบันที่เราพบเห็นกันบ่อย ๆ ก็คือ “เมกะบิตต่อวินาที” (Megabits per second/Mbps) นอกจากนี้ หน่วยของแบนด์วิดท์ ยังคงมีถึงระดับ “กิกะบิตต่อวินาที” (Gigabits per second/Gbps) และ “เทระบิตต่อวินาที” (Terabits per second/Tbps) ด้วยเช่นกัน
จำนวนของ Megabits, Gigabits และ Terabits
1 Megabits = 1,000,000 bits
1 Gigabits = 1,000,000,000 bits
1 Terabits = 1,000,000,000,000 bits
Bandwidth VS Speed
ถึงแม้ว่า Bandwidth (แบนด์วิดท์) จะดูคล้ายกับ Speed (ความเร็ว) แต่ทั้งสองสิ่งนั้นไม่เหมือนกัน โดยที่ความเร็วจะถูกกำหนดโดยสัญญาณที่ผ่านจากตัวกลาง ในขณะที่แบนด์วิดท์คือปริมาณการรับส่งข้อมูลผ่านสัญญาณตัวกลางนั้น ๆ อนึ่ง แบนด์วิดท์ คือหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการกำหนดคุณภาพของความเร็วเครือข่ายและความเร็วอินเทอร์เน็ตด้วยเช่นกัน
Bandwidth สำคัญอย่างไร
Bandwidth คือสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการทำเว็บไซต์ เพราะส่งผลต่อความเร็วในการประมวลผลของเว็บไซต์ (Page Speed) โดยตรง ซึ่งการมี Page Speed ที่ช้า จะส่งผลให้บอตประมวลผลของเครื่องมือค้นหา (Search Engine) ตรวจจับว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีสุขภาพที่ไม่ดี นอกจากนี้ ยังทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ไม่ดีในเว็บไซต์ของคุณ อันเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดยอด Bounce Rate สูง ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ล้วนส่งผลถึงการทำ SEO และเว็บไซต์มีอันดับในหน้าผลการค้นหาที่ไม่ดี หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “ไม่ติดแรงก์”
เลือกใช้ Bandwidth เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม
โดยปรกติแล้ว Hosting ต่าง ๆ จะมีจำนวนของ Bandwidth มาให้ในแพ็กเกจแล้ว ซึ่งคุณก็เลือกได้เลยว่าต้องการเลือก Bandwidth ขนาดไหน โดยคุณสามารถคำนวณจากประเภทเว็บไซต์ที่คุณต้องการสร้าง ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณ ไม่ได้มีจำนวนหน้าเยอะมากนักหรือปริมาณข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ บทความ วิดีโอ ฯลฯ ที่มากนัก คุณก็สามารถเลือกแพ็กเกจที่มีปริมาณน้อยได้ แต่ถ้าหากเว็บไซต์ของคุณ มีทั้งร้านค้าออนไลน์ ข้อมูลต่าง ๆ มากมาย คุณก็ควรที่จะเลือก Bandwidth ที่สูงหน่อย
ในส่วนนี้คุณควรจะคำนวณเผื่ออนาคตด้วยว่า ในระยะยาว จำนวนข้อมูลต่าง ๆ ที่คุณอัปโหลดลงไปในเว็บไซต์มีมากน้อยขนาดไหน ไม่ควรเลือกใช้งานแบนด์วิดท์ที่มีปริมาณพอดีกับข้อมูลในปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งส่วนมากแล้ว เว็บไซต์ต่าง ๆ ก็นิยมจะเลือกแพ็กเกจที่มีแบนด์วิดท์แบบไม่จำกัด เพราะซื้อครั้งเดียว ใช้ได้ยาว ๆ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่า “เลือกใช้ให้เหมาะสม” ดีกว่า เพราะจำนวนแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้นก็หมายถึงค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเช่นกัน
สรุป
ทีนี้คุณก็ได้คำตอบแล้วว่า Bandwidth คืออะไร แต่อีกหนึ่งสิ่งที่เราอยากจะเน้นย้ำมาก ๆ ก็คือ ปรกติแล้ว คนส่วนมากจะไม่ได้สนใจในการตรวจเช็กแบนด์วิดท์เสียเท่าไหร่ และเมื่อพบปัญหาในส่วนของ Page Speed ก็มักจะไปสนใจแก้ในเรื่องของขนาดข้อมูลหรือการออกแบบเว็บไซต์เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนั่นก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะในความเป็นจริงแล้ว หากคุณอยากจะสร้างเว็บไซต์สักหนึ่งเว็บ ไม่ว่าจะสำหรับตัวคุณเองหรือสำหรับธุรกิจของคุณ คุณก็ควรที่จะใส่ใจแบนด์วิดท์ด้วย แล้วเลือกตามความเหมาะสม รวมถึงอย่าลืมคิดถึงการเติบโตในระยะยาวด้วย เพราะถ้าหากคุณต้องเปลี่ยนเว็บไซต์ใหม่เพราะแบนด์วิดท์ที่มีอยู่เดิมนั้นไม่เพียงพอ ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากเลย
Join the discussion - 0 Comment