10 วิธีสร้าง URL ที่ดีต่อ SEO เพิ่ม Traffic เว็บฯ ขึ้นหน้าแรก

หากพูดถึงการทำ SEO (Search Engine Optimization) นอกจากการใช้ Keyword ที่มี Search Volume สูง ๆ และการสร้างคอนเทนต์คุณภาพแล้ว การตั้งชื่อ URL ที่ถูกต้องก็ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่หลายคนมักมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วการปรับแต่ง URL ไม่เพียงแค่ช่วยให้ Search Engine เก็บข้อมูลหน้าเว็บฯ ได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้เร็วขึ้นด้วยการจัดหมวดหมู่ที่เป็นระบบ และที่สำคัญคือยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของคุณดูเป็นมืออาชีพ ไม่ใช่เว็บฯ ปลอมหรือเว็บฯ หลอกลวงอีกด้วย

วิธีสร้าง URL ที่ดีต่อ SEO ควรเริ่มจากการตั้งให้ครอบคลุมภาพรวมของเนื้อหาในเว็บฯให้มากที่สุด

ที่อยู่ของเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ประกอบด้วย Protocol หรือช่องทางที่ให้เข้าถึงของแต่ละชนิดข้อมูล

Table of Contents

URL ที่ดีต่อ SEO คืออะไร

ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงหลักการตั้งชื่อ URL ที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อการทำ SEO เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แท้จริงแล้ว URL คือส่วนประกอบใดของเว็บไซต์

URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator ซึ่งเปรียบเสมือนที่อยู่ (Address) ของหน้าเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเราเข้าเว็บไซต์ด้วยลิงก์ที่มี URL จะทำให้เราสามารถเข้าถึงไฟล์หรือหน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการแบบเฉพาะเจาะจงได้ โดย URL จะเป็นสิ่งที่อยู่ต่อท้ายชื่อโดเมนหลักของเว็บไซต์นั้น ๆ

วิธีสร้าง URL ที่ดีต่อ SEO

ในส่วนของขั้นตอนการตั้งชื่อ URL ที่ส่งผลดีที่สุดต่อการทำ SEO อาจมีหลักการง่าย ๆ โดยให้คำนึงถึงคำหรือประโยคที่ครอบคลุมภาพรวมของเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มากที่สุด ดังต่อไปนี้

1. เริ่มด้วยการวางแผนโครงสร้าง URL 

เมื่อเริ่มต้นทำเว็บไซต์ การวางแผนโครงสร้าง URL ที่ดีถือเป็นพื้นฐานสำคัญของ SEO โดยสิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือการจำกัดจำนวนโฟลเดอร์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น พร้อมทั้งเลือกใช้โฟลเดอร์ย่อยแทนโดเมนย่อย เพื่อไม่ให้ Search Engine มองว่าเป็นเว็บฯ แยก นอกจากนี้ การจัดโครงสร้างให้เรียบง่ายและเป็นระบบยังเป็นการช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine สามารถเข้าใจการจัดวางเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

2. สร้างลำดับชั้นที่มีความหมาย 

หลังจากวางแผนโครงสร้างพื้นฐานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือการจัดลำดับชั้นใน URL ให้สะท้อนถึงโครงสร้างของเนื้อหาอย่างมีความหมาย โดยควรเรียงลำดับจากหมวดหมู่หลักไปสู่หมวดหมู่ย่อย เพื่อให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine เข้าใจความสัมพันธ์ของเนื้อหาได้ง่าย

ยกตัวอย่างเช่น domain.com/electronics/smartphones/iphone

แทนที่จะเป็นเพียง domain.com/iphone แต่หากมีการจัดลำดับอย่างเช่นตัวอย่าง ที่บอกถึงว่าเป็นอุปกรณ์ electronics และเป็น smartphones ยังไม่เพียงช่วยในการนำทางผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ Search Engine เข้าใจบริบทของเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้นด้วย

3. ใส่คีย์เวิร์ดอย่างเหมาะสม

เมื่อมีโครงสร้างที่ดีแล้ว สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือการใช้คีย์เวิร์ดใน URL โดยควรเลือกคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและธุรกิจโดยตรง และที่สำคัญควรวางคีย์เวิร์ดสำคัญไว้ในส่วนต้นของ URL เนื่องจาก Search Engine จะให้น้ำหนักกับคำในส่วนต้นมากกว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือการไม่ยัดเยียดคีย์เวิร์ดมากเกินไป เพราะอาจถูกมองว่าเป็นการพยายามบังคับ SEO ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออันดับการค้นหาได้

4. ทำให้กระชับและอ่านง่าย 

ในขณะที่การใส่คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญ แต่การทำให้ URL กระชับและอ่านง่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยการตั้ง URL ควรใช้คำหลักเพียง 3-5 คำเท่านั้น พร้อมทั้งใช้เครื่องหมายยัติภังค์ (-) ในการแยกคำเพื่อให้อ่านง่าย นอกจากนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการหลีกเลี่ยงคำฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น เช่น a, an, the เพราะนอกจากจะทำให้ URL ยาวขึ้นโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังไม่ช่วยเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาอีกด้วย

5. ใส่ใจรายละเอียดทางเทคนิค 

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือรายละเอียดทางเทคนิค โดยควรใช้ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดใน URL และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ URL ที่มีอักขระพิเศษ เช่น ?, &, = ให้มากที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ URL ดูไม่สวยงามแล้ว ยังอาจทำให้ Search Engine เกิดความเข้าใจผิดและส่งผลเสียต่อการจัดอันดับได้อีกด้วย

6. ระบุข้อมูลสินค้าให้ชัดเจน 

ข้อนี้อาจเหมาะสำหรับเว็บไซต์ประเภท E-Commerce โดยเฉพาะ โดยการระบุข้อมูลสินค้าใน URL อย่างชัดเจนถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นชื่อแบรนด์ คุณสมบัติสำคัญอย่างสีหรือขนาด รวมไปถึงหมวดหมู่สินค้า ทั้งนี้เพราะการระบุข้อมูลที่ชัดเจนไม่เพียงช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาและสามารถจัดหมวดหมู่เว็บไซต์ได้อย่างถูกต้อง

7. รักษาความคงที่ 

นอกเหนือจากการตั้ง URL ที่ดีแล้ว การรักษาความคงที่ของ URL ก็เป็นอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น ๆ โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลง URL บ่อย ๆ พร้อมทั้งสร้างระบบหมวดหมู่ที่แน่นอน ก็จะช่วยให้ URL เป็นมิตรกับ SEO และการเข้าถึงของผู้ใช้ได้มากขึ้น

8. หลีกเลี่ยง URL ที่ซ้ำซ้อน 

ในการทำ SEO ปัญหาสำคัญอีกประการที่ควรระวังคือการมี URL ที่ซ้ำซ้อนสำหรับเนื้อหาเดียวกัน ดังนั้น จึงควรใช้ระบบ Canonical URL เพื่อระบุ URL หลักที่ต้องการให้ Search Engine จัดอันดับ รวมถึงควรใช้การ Redirect อย่างถูกต้องเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง URL เพื่อรักษา SEO Value และป้องกันปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนที่อาจส่งผลเสียต่อการจัดอันดับได้

9. ปรับ URL ให้เหมาะกับภาษาและภูมิภาค 

ในกรณีที่เว็บไซต์มีเนื้อหาหลายภาษาหรือให้บริการหลายประเทศ การสร้าง URL ก็ควรสะท้อนความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน เช่น การใช้ /th/ สำหรับเนื้อหาภาษาไทย หรือ .co.th สำหรับเว็บไซต์ในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังควรระวังเรื่องการใช้อักขระพิเศษในภาษาต่าง ๆ โดยแปลงให้อยู่ในรูปแบบที่ URL สามารถรองรับได้

10. ทำ URL Mapping อย่างเป็นระบบ 

ท้ายที่สุด การวางแผนและทำแผนผัง URL ทั้งหมดของเว็บไซต์ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยควรจัดทำ Sitemap ที่แสดงความสัมพันธ์ของ URL ต่าง ๆ อย่างชัดเจน พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบมาตรฐานสำหรับหน้าประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าผลิตภัณฑ์ หน้าบทความ หรือหน้าหมวดหมู่ ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้การจัดการเว็บไซต์มีระบบและง่ายต่อการขยายในอนาคต รวมถึงช่วยให้ Search Engine เข้าใจโครงสร้างเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

 

การตั้งชื่อ URL ที่ดีต่อ SEO มีประโยชน์อย่างไร

1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Search Engine 

แม้การตั้งชื่อ URL จะไม่ได้มีผลโดยตรงต่อคะแนน SEO แต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจและจัดทำดัชนีเนื้อหาเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับการค้นหาที่ดีขึ้น

2. เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงสินค้า 

การจัดหมวดหมู่ URL อย่างเป็นระบบช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าหรือบริการที่ต้องการได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความสับสนในการค้นหาสินค้าประเภทเดียวกัน เนื่องจากผู้ใช้สามารถเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้จาก URL เพียงอย่างเดียว

3. สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ 

ในยุคที่มีเว็บไซต์หลอกลวงมากมาย URL ที่มีโครงสร้างชัดเจนและเป็นระเบียบจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการใช้งานเว็บไซต์มากขึ้น

4. เพิ่มโอกาสแชร์และเผยแพร่ 

URL ที่เป็นมิตรกับ SEO มักจะสั้น กระชับ และจดจำง่าย ทำให้สะดวกต่อการแชร์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย อีเมล หรือการบอกต่อ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเผยแพร่เนื้อหาและสร้าง Traffic ให้แก่เว็บไซต์

5. เพิ่มอัตราการคลิกผ่าน (CTR) 

เมื่อ URL มีการใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและมีโครงสร้างที่ชัดเจน จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจและความน่าเชื่อถือในผลการค้นหา ส่งผลให้มีโอกาสได้รับคลิกจากผู้ใช้มากขึ้น

6. สร้างโอกาสในการได้รับลิงก์ย้อนกลับ (Backlink)

URL ที่สั้น กระชับ และสื่อความหมายชัดเจน มักได้รับความสนใจจากเว็บไซต์อื่นในการลิงก์อ้างอิง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจของเว็บไซต์ในสายตาของ Search Engine

 

เครื่องมือช่วยตรวจสอบ URL

เมื่อรู้ถึงข้อดีของการตั้งชื่อ URL ตามหลัก SEO กันไปแล้ว หากอยากตรวจสอบว่า URL ในเว็บไซต์ของคุณ ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน นอกจากการเช็กตามเช็กลิสต์ที่เรากล่าวไปข้างต้นแล้ว เรามีเครื่องมือที่สามารถช่วยคุณตรวจสอบมาแนะนำกัน

  • Semrush – เครื่องมือประเภทนี้ จะช่วยตรวจสอบว่า URL ของเรามีคีย์เวิร์ดในชื่อและ Meta tag แล้วหรือยัง พร้อมทำหน้าที่ช่วยนำเสนอคีย์เวิร์ด เพียงแค่ป้อนคำเป้าหมาย เครื่องมือนี้ก็จะช่วยแนะนำรายละเอียดของการปรับแต่ง URL ตามหลัก SEO ทั้งหมดให้แบบเสร็จสรรพ
  • SEOmofo – เครื่องมือนี้จะช่วยรีวิวหน้าเว็บไซต์ของเราทั้งหมด ตั้งแต่ URL คำบรรยาย รวมถึงเนื้อหาในบทความ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้คุณปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ได้ถูกต้องตามหลัก SEO มากขึ้น
นักทำ SEO กำลังเรียนรู้วิธีสร้าง URL ที่ดีต่อ SEO

นักทำ SEO กำลังเรียนรู้วิธีสร้าง URL ที่ดีต่อ SEO

สรุป

ถึงแม้ว่าการตั้งชื่อ URL ในหน้าเว็บไซต์จะไม่ได้มีผลกับการจัดอันดับ SEO โดยตรง แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบบอตของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลหน้าเว็บไซต์ เพื่อใช้ประเมินคะแนนสำหรับการจัดอันดับของหน้าเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเมื่อตั้งชื่อ URL แล้วก็ควรใช้ลิงก์นั้นอย่างถาวร ไม่ควรเปลี่ยนชื่อ URL บ่อย เพราะอาจทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรามีเส้นทางการเข้าถึงที่ไม่แน่นอนและไม่มีคุณภาพได้

การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นอันดับถือเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจ ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้เพียงให้ Primal บริษัทที่มีบริการรับทำ SEO ช่วยเหลือคุณ เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คน ถ้าพร้อมแล้วสามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาและรับแผนธุรกิจได้เลย