วิธีตั้งชื่อ URL ให้ SEO Friendly ที่คนทำเว็บไซต์ต้องรู้ !
อย่างที่รู้กันดีว่ากลยุทธ์การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อดันเว็บไซต์ให้ขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ บนหน้าค้นหาของ Search Engine เป็นกลยุทธ์สำคัญที่มีประสิทธิภาพในการทำการตลาดออนไลน์วิธีหนึ่งในยุคปัจจุบัน ยิ่งเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูง ๆ มากเท่าไร ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการค้นหาให้กับธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะจากลูกค้าหน้าเก่าหรือหน้าใหม่รวมถึงกลุ่มคนที่กำลังจะกลายเป็นลูกค้าในอนาคตด้วย
นั่นจึงทำให้ แบรนด์สินค้าและบริการต่าง ๆ จำเป็นต้องแข่งขันกันทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของตนเองอยู่ในอันดับต้น ๆ ของการค้นหา ด้วยการใช้วิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Keyword ยอดนิยม การปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ หรือแม้กระทั่งการปรับแต่งเว็บไซต์ให้น่าใช้งานยิ่งขึ้น
แต่ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ส่งผลต่อการค้นหาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือการตั้งชื่อ URL ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีปรับแต่งเว็บไซต์ภายใน แต่ถึงแม้การปรับแต่ง URL จะเป็นสิ่งที่นักการตลาดหลายคนไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก แต่แท้จริงแล้ว URL ของเว็บไซต์ที่ดีจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้บทความ SEO หรือเว็บไซต์ของคุณมีโอกาสติดอันดับต้น ๆ บน Search Engine ได้มากขึ้น
เพื่อให้การทำ SEO บนเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพมากที่สุด เราจะมาบอกถึงเคล็ดลับการตั้งชื่อ URL ให้ SEO Friendly และสร้างผลลัพธ์อย่างที่คุณหวังเอาไว้ แต่ต้องทำอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้!
Table of Contents
รู้จัก URL ก่อนตั้งชื่อ URL ให้ SEO friendly
ก่อนที่เราจะไปรู้ถึงหลักการตั้งชื่อ URL ที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อการทำ SEO เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า แท้จริงแล้ว URL คือส่วนประกอบใดของเว็บไซต์
URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator ซึ่งเปรียบเสมือนที่อยู่ (Address) ของหน้าเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเราเข้าเว็บไซต์ด้วยลิงก์ที่มี URL จะทำให้เราสามารถเข้าถึงไฟล์หรือหน้าเว็บไซต์ที่เราต้องการแบบเฉพาะเจาะจงได้ โดย URL จะเป็นสิ่งที่อยู่ต่อท้ายชื่อโดเมนหลักของเว็บไซต์นั้น ๆ
หลักการสร้าง URL ให้เป็นมิตรกับ SEO ทำได้อย่างไร?
สำหรับการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับในระบบ Search Engine แน่นอนว่ามีอยู่ด้วยกันมากมายหลายวิธี แต่ในส่วนของขั้นตอนการตั้งชื่อ URL ที่ส่งผลดีที่สุดต่อการทำ SEO นั้น อาจมีหลักการง่าย ๆ โดยให้คำนึงถึงคำหรือประโยคที่ครอบคลุมภาพรวมของเนื้อหาในเว็บไซต์ให้มากที่สุด ดังต่อไปนี้
-
ตั้งชื่อ URL ด้วยคีย์เวิร์ด
นอกจากคีย์เวิร์ดที่ต้องใส่ไว้ในเนื้อหาส่วนต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์แล้ว การตั้งชื่อ URL ที่ดียังควรที่จะต้องใส่คีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาบ่อย ๆ และมีความสอดคล้องกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ด้วย เพราะคีย์เวิร์ดเหล่านี้ นอกจากจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ถูกค้นพบมากขึ้นแล้ว ยังช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานเว็บไซต์ให้สามารถรู้ได้ว่าพวกเขากำลังค้นหาข้อมูลของอะไร กำลังอยู่ในหน้าของขั้นตอนไหน ผ่านชื่อของ URL ทำให้ไม่เกิดความสับสนและสร้างความรู้สึกที่ดีต่อการใช้งาน ถือเป็นการทำ User-friendly URL ไปในตัวอีกด้วย
สำหรับข้อแนะนำในการใช้คีย์เวิร์ด SEO มาตั้งเป็นชื่อ URL ควรจะเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ สินค้าหรือบริการของเรา รวมถึงเป็นคำที่อยู่ในคำค้นหายอดนิยมด้วย
-
ตั้งชื่อ URL ให้สั้น กระชับ สื่อความหมายโดยตรง
สำหรับการตั้งชื่อ URL ให้ SEO Friendly ยังควรทำให้สั้น กระชับ และสื่อความหมายได้โดยตรง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากผู้ใช้งานจะสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าตนเองนั้นกำลังเข้าชมเว็บไซต์ของใคร หมวดหมู่สินค้าหรือธุรกิจใด อีกทั้งยังจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดีต่อเว็บไซต์ และมีแนวโน้มที่จะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์บ่อยครั้งขึ้น เป็นการช่วยเพิ่ม Traffic และส่งผลต่อการจัดอันดับ SEO ในเว็บไซต์ให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
โดยในการตั้งชื่อ URL อาจเริ่มต้นด้วยการเลือกใช้คำในหมวดหมู่ง่าย ๆ แล้วต่อด้วยคำที่สามารถนำไปสู่หน้าไฟล์หรือหน้าเพจที่ลึกขึ้นในเว็บไซต์ สำหรับคำที่จะนำมาใช้ตั้งชื่อควรเป็นคำหลัก (Content Word) ที่มีความยาวประมาณ 3-5 คำ อาจใส่เครื่องหมาย “ – ” แยกส่วนต่าง ๆ เพื่อแยกคำของ URL ให้ชัดเจน แต่หากเป็นภาษาอังกฤษก็ควรเลือกใช้เฉพาะตัวพิมพ์เล็กและหลีกเลี่ยงการใช้คำที่เป็น “a” “an” หรือ “the” เพราะคำเหล่านี้ไม่ใช่คำที่มีความหมาย ซึ่งการใช้เพียงคำหลักในการตั้งชื่อยังจะช่วยให้การทำ SEO สร้างผลลัพธ์ที่ดีได้อีกวิธีหนึ่ง
-
ตั้งชื่อ URL โดยระบุคำที่เป็นข้อมูลของสินค้าหรือบริการ
สำหรับหน้าเว็บไซต์ที่มีการขายสินค้าหรือบริการ การปรับแต่ง URL โดยใส่คุณสมบัติของสินค้า เช่น ชื่อแบรนด์ สี หรือขนาด ลงไปด้วย ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มความชัดเจนให้กับหน้าเว็บไซต์ ยิ่งถ้าเป็นหน้าเว็บไซต์ประเภท E-Commerce การใส่ข้อมูลลงไป ยังจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น และสะดวกต่อการใช้งาน รวมถึงอาจช่วยให้ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลได้สะดวกมากขึ้นด้วย
การตั้งชื่อ URL ให้ SEO Friendly มีข้อดีอย่างไร ?
-
ช่วยให้ Search Engine เก็บข้อมูลหน้าเว็บได้ง่ายขึ้น
ถึงแม้การตั้งชื่อ URL จะไม่ได้มีผลต่อการคิดคะแนนเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์จาก Google โดยตรง แต่ URL ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของปัจจัยที่ทำให้เกิดการเข้าถึงเว็บไซต์และนำไปสู่การจัดอันดับด้วย
-
ช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์สามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่าย
การตั้งชื่อ URL ให้เป็นหมวดหมู่ที่เข้าใจง่าย เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น เพราะ URL สามารถระบุหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน สามารถตั้งชื่อได้จากใหญ่ไปเล็กหรือเล็กไปใหญ่ ก็จะช่วยให้ระบุช่องทางการเข้าถึงหน้าสินค้าและบริการที่ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคไม่สับสนเมื่อต้องการค้นหาสินค้าและบริการในหมวดหมู่ประเภทเดียวกัน
-
ช่วยให้ผู้ใช้งานเว็บไซต์จดจำ URL ของเราได้ (มีส่วนน้อยที่จะจำกัน แต่ก็มี)
ถึงแม้ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่นิยมจดจำ URL ในการเข้าสู่เว็บไซต์แต่ละครั้ง แต่ก็มีผู้คนบางส่วนที่จดจำชื่อของ URL ได้เช่นกัน ดังนั้น การตั้งชื่อ URL ให้เป็นหมวดหมู่และอ่านง่ายก็อาจมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ที่ดีกว่าให้กับคนกลุ่มนี้
-
เหมาะแก่การแชร์ หรือส่งต่อให้คนอื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
ในช่วงเวลาที่มีเหล่ามิจฉาชีพมากมาย การตั้งชื่อ URL ให้อ่านง่ายดูเป็นระเบียบมากเท่าไร ก็จะยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์มากขึ้นเท่านั้น
เครื่องมือช่วยตรวจสอบ URL
เมื่อรู้ถึงข้อดีของการตั้งชื่อ URL ตามหลัก SEO กันไปแล้ว หากอยากตรวจสอบว่า URL ในเว็บไซต์ของคุณ ว่าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน นอกจากการเช็กตามเช็คลิสต์ที่เรากล่าวไปข้างต้นแล้ว เราก็มีเครื่องมือที่ช่วยคุณตรวจสอบอีกแรงหนึ่งด้วยเช่นกัน
- Semrush – เครื่องมือนี้จะช่วยตรวจสอบว่า URL ของเรามีคีย์เวิร์ดในชื่อและ Meta tag แล้วหรือยัง พร้อมทำหน้าที่ช่วยนำเสนอคีย์เวิร์ด เพียงแค่ป้อนคำเป้าหมาย เครื่องมือนี้ก็จะช่วยแนะนำรายละเอียดของการปรับแต่ง URL ตามหลัก SEO ทั้งหมดให้แบบเสร็จสรรพ
- SEOmofo – เครื่องมือนี้จะช่วยรีวิวหน้าเว็บไซต์ของเราทั้งหมด ตั้งแต่ URL คำบรรยาย รวมถึงเนื้อหาในบทความ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญที่ที่ทำให้คุณสามารถปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ได้ถูกต้องตามหลัก SEO มากขึ้น
สรุป
การตั้งชื่อ URL หรือ Uniform Resource Locator ในหน้าเว็บไซต์นั้นถือว่ามีความสำคัญเพราะนอกจากผลพลอยได้ในเรื่องของความอ่านง่าย สวยงามและเป็นระเบียบแล้ว การปรับแต่ง URL ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีผลกับการจัดอันดับ SEO โดยตรง แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ระบบบอทของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลหน้าเว็บไซต์ เพื่อใช้ในการประเมินคะแนนสำหรับการจัดอันดับของหน้าเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญเมื่อตั้งชื่อ URL แล้วก็ควรใช้ลิงก์นั้นอย่างถาวร ไม่ควรเปลี่ยนชื่อ URL บ่อย เพราะอาจทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของเรามีเส้นทางการเข้าถึงที่ไม่แน่นอนและไม่มีคุณภาพได้
การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นอันดับถือเป็นโอกาสสำคัญทางธุรกิจ ถ้าไม่อยากพลาดโอกาสนี้เพียงให้ Primal Digital Agency บริษัทที่ให้บริการการตลาดแบบครบวงจรช่วยเหลือคุณ เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คน ถ้าพร้อมแล้วสามารถติดต่อเราเพื่อขอคำปรึกษาและรับแผนธุรกิจได้เลย
Join the discussion - 0 Comment