9 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับ SEO ที่ควรรู้ก่อนเว็บฯ ตกอันดับ
หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าการทำ SEO เป็นเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่ใส่คีย์เวิร์ดหลักให้ครบตามสูตร หรือเขียนเนื้อหาให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเว็บไซต์ก็จะพุ่งทะยานขึ้นไปติดอันดับต้น ๆ ในหน้า Google แต่ความจริงแล้ว SEO เป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนและลึกซึ้งกว่านั้นมาก โดยเฉพาะในยุคที่อัลกอริทึมของ Google พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมอบผลการค้นหาที่ตรงใจผู้ใช้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้เอง เทคนิค SEO ที่เคยใช้ได้ผลในอดีต ก็อาจกลายเป็นเพียงตำนานที่ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปในปัจจุบัน
ถึงเวลาแล้ว ! ที่เราจะมาไขความลับและเปิดเผยกับเรื่องเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ SEO พร้อมทั้งเจาะลึกถึงวิธีการทำ SEO ที่ถูกต้องตามหลักการ เพื่อให้คุณนำไปปรับปรุงเว็บไซต์ให้แข็งแกร่ง พุ่งทะยานขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ในผลการค้นหาของ Google และดึงดูดผู้เข้าชมได้อย่างถล่มทลาย
Table of Contents
9 เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำ SEO (SEO Myths) ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน
1. คีย์เวิร์ดต้องมี 2-5% ของเนื้อหาทั้งหมด
- ความเข้าใจผิด
นักทำ SEO ส่วนใหญ่อาจยังคงยึดติดกับทฤษฎีเก่า ๆ ที่ว่าต้องใส่คีย์เวิร์ดให้ได้ 2-5% ของเนื้อหาทั้งหมด เพราะเชื่อว่าการทำตามสูตรสำเร็จนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ดีขึ้น บางคนถึงขั้นพิถีพิถันในการใช้เครื่องมือนับจำนวนคำและคำนวณเปอร์เซ็นต์อย่างละเอียดยิบเลยทีเดียว
- ความจริง
ปัจจุบัน Google ไม่ได้สนใจปริมาณคีย์เวิร์ดในการจัดอันดับอีกต่อไปแล้ว แต่กลับให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติและคุณภาพของเนื้อหามากกว่า เพราะอัลกอริทึมของ Google นั้นฉลาดพอที่จะเข้าใจทั้งความหมาย บริบท และความเชื่อมโยงระหว่างคำต่าง ๆ ในบทความได้อย่างลึกซึ้ง
2. เนื้อหายิ่งยาวยิ่งดี
- ความเข้าใจผิด
ในวงการ SEO เชื่อกันว่า “เนื้อหายิ่งยาว ยิ่งดี” จนทำให้หลายคนพยายามเขียนบทความให้ได้อย่างน้อย 2,000 คำโดยไม่จำเป็น บางครั้งถึงกับต้องยัดเยียดเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เพียงเพื่อให้ได้จำนวนคำตามเป้าหมาย โดยไม่ได้คำนึงถึงว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จริง ๆ หรือไม่
- ความจริง
แท้จริงแล้ว ความยาวที่เหมาะสมของเนื้อหานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งวัตถุประสงค์และความซับซ้อนของหัวข้อนั้น ๆ ที่สำคัญคือ Google ให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการของผู้ค้นหามากกว่า ดังนั้น บางครั้งเนื้อหาที่กระชับ ตรงประเด็น อาจมีประสิทธิภาพมากกว่าเนื้อหายาว ๆ ที่อ่านแล้ววกวนไปมา
3. เว็บไซต์แค่ดาวน์โหลดได้ก็เพียงพอ
- ความเข้าใจผิด
นักพัฒนาเว็บฯ จำนวนมากมักละเลยเรื่องความเร็วของเว็บไซต์ โดยคิดว่าแค่เว็บฯ โหลดได้ก็เพียงพอแล้ว หรือไม่ก็เชื่อว่าการทุ่มเงินไปกับ Hosting ราคาแพงจะช่วยแก้ปัญหาความเร็วได้ทั้งหมด ที่แย่ไปกว่านั้นคือ หลายคนยังคงใช้รูปภาพขนาดใหญ่เกินความจำเป็นและปล่อยให้มีโค้ดที่ไม่จำเป็นอยู่เต็มไปหมด
- ความจริง
ความเร็วของเว็บไซต์ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับทั้ง SEO และประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Google ที่ให้ความสำคัญกับ Core Web Vitals ซึ่งเป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วในการโหลด การตอบสนองต่อการใช้งาน ตลอดจนความเสถียรของเลย์เอาต์
4. คิดว่าการใช้ Meta Descriptions ไม่จำเป็น
- ความเข้าใจผิด
นักทำ SEO จำนวนไม่น้อยมักเข้าใจผิดว่า Meta Description ไม่สำคัญ เนื่องจากไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อการจัดอันดับ จึงมักละเลยด้วยการใช้แค่ค่าเริ่มต้นหรือเขียนแบบขอไปที โดยไม่ได้คำนึงถึงโอกาสในการดึงดูดคลิกแต่อย่างใด และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ บางคนถึงกับใช้ Meta Description เดียวกันซ้ำ ๆ ทั้งเว็บไซต์
- ความจริง
แม้ว่า Meta Description จะไม่ใช่ปัจจัยในการจัดอันดับโดยตรง แต่กลับมีผลอย่างมากต่ออัตราการคลิก (CTR) ซึ่งส่งผลต่อการจัดอันดับในทางอ้อม โดยเราอาจเปรียบ Meta Description ที่ดีเสมือนโฆษณาขนาดกะทัดรัดที่ทำหน้าที่ชักชวนให้ผู้ค้นหาสนใจและอยากคลิกเข้ามาชมเว็บไซต์ของเราได้
5. Backlink ยิ่งเยอะยิ่งติด Rank สูง
- ความเข้าใจผิด
นักทำ SEO มือใหม่มักคิดว่ายิ่งมี Backlink เยอะยิ่งดี จึงพยายามสร้างลิงก์จากทุกแหล่งที่เป็นไปได้ โดยไม่คำนึงถึงคุณภาพ บางคนถึงขั้นซื้อลิงก์จำนวนมากในราคาถูก หรือใช้เว็บฯ Directory ที่ไม่มีคุณภาพ
- ความจริง
Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพของลิงก์มากกว่าปริมาณ โดยลิงก์ที่มีคุณภาพคือลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวข้องกับเนื้อหา และเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญคือ การซื้อลิงก์หรือใช้เทคนิคผิดหลัก SEO อาจนำไปสู่การถูกลงโทษจาก Google ได้ในที่สุด
6. โครงสร้างเว็บไซต์ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
- ความเข้าใจผิด
นักพัฒนาเว็บไซต์จำนวนมากมักมองข้ามความสำคัญของโครงสร้างเว็บไซต์ เพราะคิดเพียงว่าแค่มีเมนูนำทางและแบ่งหมวดหมู่คร่าว ๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ หลายคนยังสร้างโครงสร้าง URL ที่ซับซ้อนเกินความจำเป็น หรือไม่ก็จัดหมวดหมู่เนื้อหาแบบไร้ระเบียบ
- ความจริง
แท้จริงแล้ว โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีจะช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Google เข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาได้ง่าย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อทั้งการจัดอันดับและประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างเป็นลำดับชั้นชัดเจนจะได้เปรียบในการทำ SEO อย่างมาก
7. คอนเทนต์เก่าล้าสมัยและไม่มีประโยชน์
- ความเข้าใจผิด
นักทำ SEO หลายคนมักละเลยเนื้อหาเก่า โดยมุ่งเน้นแต่การสร้างเนื้อหาใหม่เพียงอย่างเดียว หรือไม่ก็ปล่อยให้เนื้อหาเก่าล้าสมัยโดยไม่เคยคิดจะอัปเดต ที่แย่ไปกว่านั้นคือ บางคนถึงขั้นตัดสินใจลบเนื้อหาเก่าทิ้งทั้งหมด เพื่อหวังว่าจะทำให้เว็บไซต์ดูทันสมัยขึ้น
- ความจริง
เนื้อหาเก่าที่มีคุณภาพและได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอมีประโยชน์มหาศาล เพราะแม้ว่า Google จะให้ความสำคัญกับข้อมูลที่สดใหม่ แต่ก็ยังคงให้น้ำหนักกับเนื้อหาที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ต่อผู้อ่านในระยะยาว
8. รูปภาพในบทความแค่สวยก็เพียงพอแล้ว
- ความเข้าใจผิด
หลายคนใส่ใจแค่ความสวยงามของรูปภาพ โดยละเลยการตั้งชื่อไฟล์และ Alt Text หรือใช้รูปภาพขนาดใหญ่เกินไปโดยไม่คำนึงถึงความเร็วในการดาวน์โหลด ที่แย่ไปกว่านั้นคือ บางคนถึงขั้นใช้รูปภาพที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย เพียงเพราะต้องการความสวยงามเท่านั้น
- ความจริง
รูปภาพสำคัญต่อ SEO อย่างมาก ทั้งในแง่ของการค้นหาภาพและการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้ โดย Google จะใช้ข้อมูลจากชื่อไฟล์ Alt Text และบริบทของรูปภาพในการทำความเข้าใจเนื้อหา นอกจากนี้ ขนาดของรูปภาพยังส่งผลโดยตรงต่อความเร็วในการโหลดหน้าเว็บฯ อีกด้วย
9. ยอดไลก์และแชร์บนโซเชียลมีผลกับการติดอันดับโดยตรง
- ความเข้าใจผิด
บางคนเชื่อว่าการมียอดไลก์และแชร์จำนวนมากบนโซเชียลมีเดียจะช่วยให้คอนเทนต์ติดอันดับดีขึ้นโดยตรง จึงมักซื้อไลก์หรือแชร์ปลอม หรือไม่ก็พยายามแชร์เนื้อหาแบบสแปมไปทั่วทุกแพลตฟอร์มโดยไม่จำเป็น
- ความจริง
แม้ว่า Social Signals จะไม่ได้เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับโดยตรง แต่การสร้างการมีส่วนร่วมที่แท้จริงบนโซเชียลมีเดียนั้น ก็มีประโยชน์มากมาย ทั้งการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ การสร้าง Traffic ที่มีคุณภาพ และการได้มาซึ่ง Backlink ตามธรรมชาติ ซึ่งล้วนส่งผลดีต่อ SEO ในระยะยาว
สรุป
แม้ว่าการทำ SEO อาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่หากคุณมีความรู้ที่ถูกต้องและเครื่องมือที่เหมาะสม ก็จะสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม การจะทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั้นจำเป็นต้องอาศัยทั้งความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่สั่งสมมา
นี่คือเหตุผลที่ Primal ได้รับความไว้วางใจในฐานะเอเจนซีรับทำ SEO (SEO Agency) ชั้นนำของประเทศไทย ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คนที่พร้อมผลักดันให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ เราพร้อมให้บริการรับทำ SEO ที่ครอบคลุมทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์เว็บไซต์เชิงลึก การวางแผนกลยุทธ์แบบครบวงจร การสร้างเนื้อหาที่โดนใจ ตลอดจนการสร้างลิงก์ที่มีคุณภาพ
สนใจเติบโตไปพร้อมกับเรา กรอกรายละเอียดเพื่อให้ทีมกลยุทธ์ของเราติดต่อกลับได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment