E-commerce SEO เทคนิคที่คนทำร้านค้าออนไลน์ไม่ควรมองข้าม
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน พฤติกรรมการบริโภคย่อมเปลี่ยนตาม โมเดลธุรกิจหลาย ๆ อย่างก็ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ให้ตรงจุด และ “E-commerce” คือหนึ่งในรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ทั้งยังมีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการร้านค้าบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง E-commerce SEO เป็นพิเศษ เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้อย่างง่ายดาย แค่เซิร์ชปุ๊บ ก็เจอปั๊บ !
Table of Contents
ทำไมการทำ E-commerce SEO จึงเป็นเรื่องสำคัญ
หากตอบแบบกำปั้นทุบดิน ก็เพราะว่าปัจจุบัน แพลตฟอร์ม E-commerce มีการแข่งขันสูงมาก เรียกได้ว่าผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าออนไลน์มักนิยมซื้อจากช่องทางนี้กันทั้งนั้น ซึ่งเมื่อมีร้านค้าจำนวนมากอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน เราจึงจำเป็นต้องหาวิธีทำให้ตนเองโดดเด่นบนหน้าผลการค้นหา เพื่อที่เวลาลูกค้าเซิร์ชคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ จะได้เจอร้านค้าของเราทันทีแทนที่จะเป็นร้านคู่แข่ง
แต่หากมองลึกลงไปอีกสักนิด ก็จะเห็นว่า E-commerce SEO มีความสำคัญอย่างมากในแง่ของการทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เพราะโดยปกติแล้ว การทำธุรกิจบนแพลตฟอร์ม E-commerce จะไม่ได้มีสินค้าตัวเดียวหรือประเภทเดียว แม้ว่าคุณจะทำธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งก็ตาม เช่น คุณขายสินค้าไอที และสินค้าของคุณมีตั้งแต่แล็ปท็อป แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าสินค้าแต่ละหมวดก็จะมีกลุ่มลูกค้าและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้น สมมติว่าหน้าสินค้าแล็ปท็อปของคุณติดหน้าแรกของ Search Engine ก็ไม่ได้หมายความว่าสินค้าหมวดอื่น ๆ ของคุณจะติดด้วยเหมือนกัน ตรงส่วนนี้เองที่เทคนิค E-commerce SEO จะเข้ามาทำให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณมีประสิทธิภาพด้านการถูกมองเห็นมากขึ้นได้
เทคนิคการทำ E-commerce SEO ให้ร้านค้าถูกมองเห็นมากขึ้น
จริง ๆ แล้ว การทำ E-commerce SEO ก็ไม่ต่างอะไรมากนักกับการทำ SEO สำหรับเว็บไซต์ทั่วไป เพียงแต่แพลตฟอร์ม E-commerce อาจมีองค์ประกอบหรือปัจจัยบางอย่างที่แตกต่างจากเว็บไซต์ธรรมดา และต้องได้รับการปรับแต่งแบบเฉพาะทาง มาดูกันว่าเราจะสามารถดันอับดับร้านค้าให้ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งบน ๆ ในหน้าผลการค้นหาอย่างไรได้บ้าง !
การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด (Keyword Research)
เมื่อพูดถึงการทำ SEO จะขาดขั้นตอนการทำ Keyword Research ไปไม่ได้เลย กล่าวคือ คุณจะต้องค้นหาคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสินค้า และเป็นคำที่มีปริมาณการค้นหา (Search Volume) สูง แต่การแข่งขันไม่ควรสูงจนเกินไป โดยสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ ช่วยได้ เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, Ubersuggest ฯลฯ
การปรับแต่งหน้าสินค้า (Product Page Optimisation)
หน้าสินค้าแต่ละหน้าควรมีการปรับแต่งด้วยเทคนิค E-commerce SEO อย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใส่คีย์เวิร์ดสำคัญในชื่อสินค้า, URL, Meta Title, Meta Description และแคปชันบรรยายรายละเอียดสินค้า นอกจากนี้ ควรเพิ่ม Alt Text สำหรับรูปภาพสินค้าแต่ละรูป เพื่อให้อัลกอริทึมของ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของภาพได้ดียิ่งขึ้นด้วย
การจัดระเบียบโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ SEO
ควรปรับโครงสร้างของร้านค้าให้ง่ายต่อการนำทางและการค้นหา ด้วยการใช้ URL ที่เข้าใจง่ายและประกอบไปด้วยคีย์เวิร์ดหลัก รวมถึงสร้างเมนูนำทางที่ชัดเจน โดยใช้เครื่องมืออย่าง Breadcrumbs เพื่อช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Search Engine เข้าใจโครงสร้างของหน้าเว็บฯ ได้ดียิ่งขึ้น
การเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์
ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับของ Search Engine สามารถทำได้โดยการบีบอัดรูปภาพ การใช้ CDN (Content Delivery Network) และการลดการใช้ปลั๊กอินที่ไม่จำเป็น เพื่อให้หน้าเว็บฯ ไม่อืดจนกลายเป็นโหลดช้าเกินไป
การปรับแต่งเว็บไซต์ให้รองรับอุปกรณ์มือถือ
เนื่องจากผู้ใช้งานจำนวนมากเข้าถึงแพลตฟอร์ม E-commerce ผ่านอุปกรณ์มือถือ ดังนั้น จึงต้องมีการปรับแต่งเว็บไซต์ร้านค้าให้รองรับการแสดงผลบนมือถือด้วย โดยใช้ Responsive Design เพื่อให้หน้าเว็บฯ สามารถแสดงผลได้ดีในทุกอุปกรณ์
การใช้ Schema Markup
Schema Markup เป็นโคด HTML ที่ช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น โดยสำหรับ E-commerce ควรใช้ Schema Markup สำหรับสินค้า ราคา และรีวิว เพื่อเพิ่มโอกาสให้ข้อมูลปรากฏใน Rich Snippets บนหน้าผลการค้นหา
การปรับปรุง User Experience (UX)
อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อ E-commerce SEO มากก็คือ ประสบการณ์ของผู้ใช้ โดยร้านค้าต้องมีการปรับปรุง UX อย่างสม่ำเสมอ เช่น พยายามทำให้เมนูนำทางใช้ง่ายที่สุด ลดขั้นตอนการสั่งซื้อให้ไม่ซับซ้อน หรือเพิ่มช่องทางการจ่ายเงินเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า
การติดตามและวิเคราะห์ผล
สามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ อย่าง Google Analytics และ Google Search Console เพื่อติดตามประสิทธิภาพของร้านค้าได้ พร้อมวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาโอกาสในการปรับปรุง E-commerce SEO รวมถึงตรวจสอบปัญหาทางเทคนิคที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดอันดับ แล้วนำมาพัฒนาให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นในครั้งถัดไป
อย่างไรก็ตาม การทำ E-commerce SEO ถือเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่นอกจากจะต้องใช้ระยะเวลาและความอดทนแล้ว ยังต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และความเป็นมืออาชีพจริง ๆ หากคุณเป็นเจ้าของร้านค้าบน E-commerce แล้วต้องการเพิ่มยอดขาย ยอดการมองเห็น ยอดกดลงตะกร้า หรืออื่น ๆ ติดต่อ Primal ได้เลยวันนี้ เราเป็นเอเจนซีรับทำ SEO ชั้นนำของไทย ที่พร้อมช่วยธุรกิจทุกประเภท ทุกอุตสาหกรรม ให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดด้วยการติดอันดับต้น ๆ บนหน้าผลการค้นหา ซึ่งจะสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจ E-commerce ของคุณได้ในระยะยาว
Join the discussion - 0 Comment