อยากทำเว็บฯ ให้อันดับเหนือคู่แข่ง! SEO Competitor Analysis คือคำตอบ
นักการตลาดออนไลน์ทุกคนคงทราบดีว่า SEO (Search Engine Optimisation) คือแนวทางปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ที่สามารถผลักธุรกิจออนไลน์ให้เติบโตได้ในยุคสมัยนี้ การทำ SEO ให้เว็บฯ ติดอันดับหน้า Google ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะกับทุกกลุ่มธุรกิจ เพราะนอกจากจะเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์และสั่งซื้อสินค้าจนทำให้ยอดขายแบรนด์เพิ่มได้แล้ว กลยุทธ์นี้ยังช่วยสร้าง Brand Awareness ทำให้แบรนด์เป็นที่จดจำและที่สำคัญดูน่าเชื่อถือในสายตา Google อีกด้วย ทำให้ในปีนี้ การทำ SEO กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่แบรนด์เล็กใหญ่ต่างให้ความนิยม จนเกิดการแย่งชิงอันดับแรกในหน้า Google กันอย่างดุเดือด!
ถึงแม้คู่แข่งในสนาม SEO จะเยอะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป ถ้าคุณรู้จักเทคนิคการเอาชนะคู่แข่งที่ชื่อว่า SEO Competitor Analysis หรือการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด บอกเลยว่าวิธีวิเคราะห์ไม่ยากและช่วยให้การทำ SEO ของคุณมีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่งได้อีกด้วย
Table of Contents
ทำความรู้จัก Competitor Analysis คืออะไร
ก่อนจะไปถึงกระบวนการวิเคราะห์คู่แข่ง SEO เรามาทำความรู้จักกลยุทธ์ Competitor Analysis กันก่อน
Competitor Analysis คือกระบวนการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนและสร้างกลยุทธ์ใหม่ที่ดีและเหนือกว่าคู่แข่ง โดยหลักการทำงานง่าย ๆ คือการเปรียบเทียบว่าธุรกิจของเราและเขานั้นมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร เพื่อนำข้อมูลมาปรับใช้ให้มีโอกาสประสบความสำเร็จและเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้มากยิ่งขึ้น
ข้อดีหลัก ๆ ของการวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด คือแบรนด์สามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้เพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังทำให้มองเห็นสภาพความเป็นจริงว่าธุรกิจอยู่ในจุดใด การบริหารทางการเงินเป็นอย่างไร พร้อมกันนั้น หากสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพก็จะทำให้แบรนด์ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำการตลาดได้ดีขึ้น อย่างไรก็ดี การวิเคราะห์คู่แข่งอาจมีข้อเสียด้วยเหมือนกัน เนื่องจากใช้เวลาและเงินลงทุนสูง จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ใช่ทุกธุรกิจจะสามารถทำการวิเคราะห์คู่แข่งได้ พร้อมกันนั้น หากดำเนินแผนตามคู่แข่งมากเกินไปหรือนำข้อมูลที่ได้มาใช้อย่างไม่เกิดประโยชน์ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาในภายหลังได้อีก
SEO Competitor Analysis คืออะไรและสำคัญอย่างไร
การทำ SEO Competitor Analysis ก็ไม่ต่างกัน หลัก ๆ ก็คือกระบวนการวิเคราะห์การทำเว็บไซต์ SEO ของคู่แข่งอย่างรอบด้าน เพื่อให้เห็นช่องโหว่ในกรณีที่เว็บไซต์เรายังเป็นรอง และเพื่อให้เห็นช่องทางรักษาอันดับในกรณีที่เว็บไซต์เราได้รับการจัดอันดับเหนือกว่าในกลุ่มธุรกิจแบบเดียวกัน
การวิเคราะห์การทำเว็บฯ SEO ของคู่แข่งสำคัญอย่างมาก สำหรับการพัฒนาธุรกิจออนไลน์ที่มีหน้าเว็บไซต์เป็นเสมือนหน้าร้านค้าหลัก เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้แบรนด์เข้าใจสถานการณ์การแข่งขันมากขึ้น มองเห็นภาพรวมการแข่งขันว่าเว็บฯ ตนเองอยู่ลำดับใดของธุรกิจประเภทเดียวกัน ที่สำคัญการวิเคราะห์คู่แข่ง ยังเพิ่มโอกาสการมองเห็นและเข้าถึง Target Audience อื่น ๆ ที่แบรนด์อาจไม่เคยนึกถึงมาก่อน ทำให้เพิ่มโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าเป็นวงกว้าง จนทำให้ธุรกิจต่อยอดได้ในอนาคต
วิธีวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาด SEO อีกหนึ่งวิธีที่ทำให้เว็บไซต์อันดับดีได้!
เพื่อให้รู้ว่าคู่แข่งพัฒนาเว็บฯ ของพวกเขาอย่างไร และเราจะทำอย่างไรให้เหนือกว่าพวกเขาไปได้อีกขั้น! วันนี้เราเลยเตรียม 5 สเต็ปการวิเคราะห์คู่แข่งด้านการทำเว็บฯ SEO มาฝากทุกคน ดังนี้
1. ค้นหาคู่แข่ง เพื่อให้รู้ว่าแบรนด์เรากำลังสู้อยู่กับใคร?
การค้นหาคู่แข่ง ถือเป็นขั้นตอนวิเคราะห์สำคัญที่นักการตลาดทั้งแบรนด์เล็กแบรนด์ใหญ่ไม่ควรมองข้าม โดยเริ่มแรก นักการตลาดควรทำ Research ให้ดีว่าแบรนด์ของเรามีคู่แข่งเป็นใคร ขนาดของธุรกิจพวกเขาเป็นแบบใด เริ่มทำ SEO ตั้งแต่เมื่อไร อันดับเว็บฯ SEO เป็นอย่างไร นอกจากนี้ ยังควรค้นหาอีกว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับการทำ SEO มากน้อยแค่ไหน เพื่อให้สามารถมองภาพรวมและตั้งหลักได้ว่าแบรนด์ของเราจะวางกลยุทธ์อย่างไรต่อไป ถึงจะสามารถดันเว็บไซต์ให้อันดับเหนือแบรนด์คู่แข่งเหล่านี้! โดยวิธีการระบุคู่แข่ง SEO ก็เริ่มต้นได้จากการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องในระบบ Search Engine อย่าง Google เพื่อให้รู้ว่าคีย์เวิร์ดที่ใช้ในธุรกิจของเรานั้น โผล่ในเว็บฯ คู่แข่งใดบ้าง เพื่อที่จะสามารถรวบรวมรายชื่อมาวิเคราะห์ต่อ โดยคู่แข่งสามารถแบ่งง่าย ๆ ออกเป็น 2 ประเภท
- คู่แข่งทางตรง (Direct Competitors) คือคู่แข่งที่ขายสินค้าและบริการในธุรกิจประเภทเดียวกัน
- คู่แข่งทางอ้อม (Indirect Competitors) คู่แข่งที่ขายสินค้าและบริการในธุรกิจต่างประเภท แต่อาจจะสามารถทดแทนกันได้
2. วิเคราะห์ภาพรวมเว็บฯ คู่แข่ง ทำเว็บฯ อย่างไรถึงติดอันดับ?
หลังจากรู้แล้วว่าคู่แข่งคือใคร สเต็ปต่อไปเราแนะนำให้ดูภาพรวมการทำ SEO ว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้หน้าเว็บฯ พวกเขาติดอันดับสูงกว่าเว็บฯ ของเรา ทั้งในส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บฯ (Page Speed) การทำเว็บฯ ให้ตอบสนองการแสดงผลในหน้าจอต่าง ๆ เนื้อหาคอนเทนต์แต่ละหน้าเว็บไซต์ รวมถึงโซเชียลมีเดียที่แบรนด์คู่แข่งมี
- วิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์ : โครงสร้างเว็บฯ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อัลกอริทึมของ Google เข้าใจและหาสิ่งต่าง ๆ ภายในเว็บไซต์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นองค์ประกอบสำคัญที่เราควรตรวจสอบเว็บฯ คู่แข่งเพื่อให้รู้ว่าพวกเขามีรูปแบบการจัดระเบียบเว็บฯ อย่างไร อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งานได้มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะนำไปปรับปรุงเว็บฯ ของเราเองให้ผลการจัดอันดับดีขึ้น
- วิเคราะห์ความเร็วในการดาวน์โหลดหน้าเว็บฯ (PageSpeed) : ความเร็วการโหลดหน้าเว็บฯ ก็เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบในเว็บฯ คู่แข่งเช่นกัน เพราะนี่เป็นปัจจัยที่ไม่เพียงส่งผลต่อการประเมินคะแนน SEO แต่ยังส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้ที่มีผลต่อรายได้ของธุรกิจด้วย
- วิเคราะห์การทำ Responsive Web Design : แนะนำให้ตรวจสอบการทำ Responsive Web Design หรือการออกแบบให้เว็บฯ ปรับเปลี่ยนหน้าจอการแสดงผลตามอุปกรณ์ที่แตกต่างกันของเว็บฯ คู่แข่ง เพราะนี่ก็เป็นปัจจัยที่เพิ่มคะแนน SEO ได้เช่นกัน
- วิเคราะห์เนื้อหาในเว็บฯ : แนะนำให้ตรวจดูว่าคู่แข่งนำเสนอเนื้อหาในเว็บฯ อย่างไร พวกเขาเขียนบทความเพื่อช่วยเพิ่มการติดอันดับไหม นอกจากนี้แล้วยังควรลงลึกด้วยว่าบทความประเภทใดที่สามารถสร้าง Traffic ได้ดี โดยสามารถใช้เครื่องมือ เช่น BuzzSumo ช่วยวิเคราะห์ได้อีกทางหนึ่ง
- วิเคราะห์โซเชียลมีเดีย : แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็เป็นส่วนช่วยดันให้เว็บฯ ติดอันดับดีขึ้น ดังนั้น อย่าลืมทำความเข้าใจภาพรวมว่าคู่แข่งมีแนวทางการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่างไรเพื่อที่จะได้ปรับใช้ได้ถูกต้อง
3. วิเคราะห์การใช้คีย์เวิร์ดของเว็บฯ คู่แข่ง
คีย์เวิร์ด คือช่องทางสำคัญที่เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าค้นหาเว็บไซต์ของแบรนด์เจอ ดังนั้น เราจึงควรวิเคราะห์ให้ดีว่าคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันกับเราใช้คีย์เวิร์ดหลักอะไร ใส่ไว้ในหน้าเว็บฯ หรือบทความหรือไม่ ความถี่ในการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่เราจะได้นำมาปรับใช้กับการทำ On-Page SEO ให้เว็บไซต์เราดีขึ้น โดยเครื่องมือวิเคราะห์สามารถเลือกใช้ได้ตามความถนัด ทั้ง Keyword Planner, SimilarWeb, Ahrefs รวมถึง SEMRush เป็นต้น
4. วิเคราะห์การทำ On-Page ของคู่แข่ง
การปรับปรุง On-Page SEO คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เว็บฯ ติดอันดับหน้าแรก โดยส่วนมากมักจะอยู่ในรูปแบบบทความ (Blog) ให้ข้อมูลในเว็บไซต์ ซึ่งบทความเหล่านั้นก็สามารถปรับแต่งให้มีคุณภาพในสายตา Google ได้ผ่าน Title, Meta Data, Heading, Internal Link, Schema Markup, URLs รวมถึงเนื้อหาคอนเทนต์ โดยแบรนด์ควรตรวจสอบว่าคู่แข่งปรับปรุงองค์ประกอบ On-Page เหล่านี้อย่างไร และส่วนไหนที่แบรนด์ของเรายังไม่ได้ทำบ้าง เพื่อที่จะได้เติมเต็มช่องโหว่ให้การทำ On-Page SEO ของเว็บไซต์แบรนด์เรามีคุณภาพดีขึ้น
5. ตรวจสอบการทำ Backlink
เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ก็อย่าลืมตรวจสอบการทำ Backlink ของแบรนด์คู่แข่งด้วยว่าเขาใช้เว็บฯ ไหนในการลิงก์กลับมาหาเว็บไซต์ตัวเองที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือจน Google ประเมินให้ติดอันดับสูงกว่าคู่แข่งรายอื่น เพื่อที่เราอาจใช้เว็บฯ นั้น ๆ ทำ Backlink ให้เว็บฯ เราบ้าง หรือแม้แต่หลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยกับคู่แข่ง โดยการเช็ก Backlink เว็บไซต์คู่แข่งก็สามารถใช้เครื่องมือ Ubersuggest เป็นตัวช่วยค้นหาได้
สรุป
SEO เป็นกลยุทธ์ที่เปลี่ยนแปลงทุก ๆ ปี ดังนั้น การทำ Competitor Analysis หรือวิธีวิเคราะห์คู่แข่งทางการตลาดก็เป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้นักการตลาดเห็นภาพรวมการแข่งขันในสนาม SEO ได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าผู้ประกอบการคนใดยังไม่รู้จะเริ่มปรับปรุงเว็บฯ ของตนเองอย่างไรให้อยู่อันดับเหนือกว่าคู่แข่ง สามารถติดต่อ Primal ของเราได้เลย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO และนักการตลาดกว่า 150 คนพร้อมให้ความช่วยเหลือ ติดต่อเราได้เลยตอนนี้!
Join the discussion - 0 Comment