รวม 30 คำศัพท์ทางการตลาดออนไลน์ ที่คนทำ SEO ต้องรู้เอาไว้
การทำการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันหากคุณเป็นคนที่ช่ำชองและชำนาญอยู่แล้วอาจมองข้ามกับเรื่องเหล่านี้สักเท่าไรเพราะเราใช้กันจนชิน แต่สำหรับมือใหม่หรือคนที่เพิ่งเข้าวงการ คำศัพท์ SEO ถือเป็นประเด็นหลักๆ ที่พวกเขาต้องทำการบ้านกันยกใหญ่เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่คนทำ SEO ใช้สื่อสารกัน บทความนี้เราจึงรวบรวมเอา 30 คำศัพท์ทางการตลาดออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO มาไว้ให้ผู้ที่ต้องการเข้าใจถึงความหมายของคำต่างๆ ได้ทำความเข้าใจและนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
Table of Contents
คำศัพท์ทางการตลาดออนไลน์ สำหรับการทำ SEO
-
Search Engine
ความหมาย: โปรแกรมหรือเครื่องมือสำหรับสืบค้นข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ผ่านวิธีค้นหาด้วยการพิมพ์คำค้นหา (คีย์เวิร์ด) โดยสามารถค้นหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้ซึ่งระบบจะแสดงผลลัพธ์ได้ทั้งลิงก์เว็บไซต์ รูปภาพ วิดีโอ ฯลฯ หรือในปัจจุบันก็มีระบบค้นหาด้วยเสียงหรือรูปภาพได้แล้ว
Search Engine ที่เป็นที่รู้จักก็จะมีอย่างเช่น Google, Yahoo หรือ Bing เป็นต้น
-
SEO (Search Engine Optimization)
ความหมาย: กระบวนการในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ตรงตามกฎเกณฑ์ ข้อกำหนดของระบบ Search Engine เพื่อจุดประสงค์ในการทำให้เว็บไซต์ค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นสู่หน้าแรกอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเป็นวิธีที่จะต้องใช้ทั้งระยะเวลาและการปรับปรุงประสิทธิภาพอยู่ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้อันดับเว็บไซต์ที่ขึ้นมาแล้วตกกลับลงไปอีกครั้ง
-
Search Query
ความหมาย: คำหรือประโยคที่ผู้คนใช้สำหรับพิมพ์ค้นหาข้อมูลบน Search Engine ซึ่งคำนี้จะมีความหมายเดียวกันกับคำว่า Search Term
-
Referral Traffic
ความหมาย: การที่มีคนเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ของเราโดยไม่ได้ผ่านการค้นหาที่ระบบ Search Engine เช่น คลิกมาจากลิงก์ที่ถูกแปะไว้ในหน้าเว็บอื่นๆ คลิกจากลิงก์ที่ถูกแชร์ไปยังบน Social Media ต่างๆ เป็นต้น
-
Dofollow Link
ความหมาย: ลิงก์หรือ URL ที่อนุญาตให้ Robots ของ Search Engine สามารถ Crawl เข้าไปเก็บข้อมูลจาก URL นั้นๆ ได้ (Crawl = กระบวนการที่ Robots เข้าไปสืบค้นข้อมูลบนเว็บไซต์) ได้ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยในการจัดอันดับ (Ranking) หน้าเว็บไซต์บนหน้า Search Engine อีกทางหนึ่งด้วย
-
Nofollow Link
ความหมาย: ลิงก์เว็บไซต์ที่ไม่อนุญาตให้ Robots ของ Search Engine ติดตามและไปเก็บข้อมูลได้ เพื่อป้องกันการเข้ามาโพสต์ลิงก์เว็บฯ ตัวเองซ้ำๆ (สแปม) หรือเป็นการบอก Search Engine ว่า ลิงก์นั้นๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเว็บไซต์ต้นทาง โดยทางฝั่ง Google ที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับลิงก์ประเภทนี้จึงไม่ได้ส่งผลใดๆ กับการจัดอันดับเว็บไซต์ โดยปกติมักจะเจอลิงก์ประเภท Nofollow ตามเว็บฯ Forum, Social Media ต่างๆ
-
DNS
ความหมาย: ย่อมาจาก (Domain Name System หรือ Domain Name Server) คือระบบการจัดการชื่อเว็ปไซต์ (เช่น www.ชื่อเว็ปไซต์.com) โดย DNS จะทำหน้าที่แปลงชื่อโดเมนไปเป็นตัวเลขหรือที่เรียกว่า IP Adress…
ระบบบริหารจัดการชื่อเว็บไซต์หรือชื่อโดเมน (ตัวอย่าง www.ชื่อเว็บไซต์.com) โดย DNS จะทำหน้าที่แปลงชื่อโดเมนไปเป็นตัวเลขหรือที่เรียกว่า IP Address ซึ่งหมายเลขนี้จะใช้สำหรับการติดต่อไปยัง Server อื่นๆ ที่ต้องการเชื่อมโยงเช่น Web Hosting เป็นต้น
-
Affiliate Link หรือ Outbound Link
ความหมาย: คำศัพท์ SEO ที่อธิบายถึงการส่งลิงก์ออกไปยังนอกเว็บไซต์ของตัวเอง โดยส่วนมากจะใช้เพื่อเป็นการอ้างอิงข้อมูลในบทความ ซึ่งข้อดีของการทำ Outbound Link จะช่วยส่งเสริมให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและยังมีส่วนช่วยในการจัดอันดับหน้าเว็บฯ ของคุณบน Google อีกด้วย
-
Page Title
ความหมาย: ข้อความหรือคำสั้นๆ ที่ใช้สำหรับแสดงข้อมูลอธิบายเกี่ยวกับหน้าเว็บเพจต่างๆ ว่าคอนเทนต์ที่อยู่บนหน้านั้นคืออะไร
-
Meta Description
ความหมาย: ข้อความที่ใช้สำหรับอธิบายลิงก์เว็บไซต์ที่ปรากฎบนระบบ Search Engine ตอนที่ผู้ใช้ค้นหาแล้วเว็บของเราไปปรากฎขึ้น โดยส่วนนี้จะมีข้อกำหนดคือต้องไม่ใช้อักขระเกิน 156 ตัวอักษร (เขียนเกินได้ แต่ระบบก็จะแสดงแค่ 156 ตัวอักษรเท่านั้น)
-
Alt Tag
ความหมาย: ข้อความหรือประโยคสำหรับอธิบายรายละเอียดของรูปภาพ เพราะโดยปกติแล้วการทำ SEO ระบบจะสามารถอ่านได้เฉพาะตัวหนังสือเท่านั้น ดังนั้นหากต้องการที่จะให้รูปภาพบนเว็บไซต์ของคุณไปปรากฎในส่วนของการค้นหารูปภาพได้ คุณก็จะต้องทำการใส่คำอธิบาย (ปกติก็จะใส่เป็นคำคีย์เวิร์ดหรือคำอธิบายรูปนั้นๆ) ไว้ในส่วน Alt Tag ซึ่งต้องเข้าไปใส่ในระบบหลังบ้านอีกที เช่น ภาพรถยนต์ฮอนด้ารุ่น Accord 2019 คุณอาจจะใส่ Alt Tag เป็น Honda 2019 Accord, ฮอนด้า แอคคอร์ด 2019 ฯลฯ ก็ได้
-
CMS
ความหมาย: ย่อมาจาก Content Management System หรือที่เรามักเรียกติดปากกันว่า “ระบบหลังบ้าน” เป็นระบบที่ใช้สำหรับปรับแก้เนื้อหา คอนเทนต์ต่างๆ ที่จะปรากฎบนหน้าเว็บไซต์ CMS ที่มีชื่อเสียงและคนนิยมใช้กันก็จะมีอย่าง WordPress, Joomla เป็นต้น
-
HTTP และ HTTPs Protocol
ความหมาย: Hypertext Transfer Protocol (HTTP) คือโพรโตคอลที่ใช้สื่อสาร รับและส่งข้อมูลผ่าน internet ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Client (Browser) และ Server (Website) หรือในอีกมุมหนึ่งคือการที่ลูกค้าขอ Request สอบถามข้อมูลแล้วทางร้านค้าก็ตอบรับกับคำขอเหล่านั้นแล้วส่งข้อมูลให้ลูกค้าตามที่ได้กำหนดไว้
โดย HTTP และ HTTPs ต่างกันในเรื่องของ SSL Certificate ที่จะมาเพิ่มความปลอดภัยในการส่งข้อมูลระหว่าง Client Side (Browser) และ Server (Website) ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Ranking Factor ของ SEO เช่นกัน
สำหรับคำว่า Protocol ถ้าเปรียบเทียบง่ายๆ ก็จะมีลักษณะเหมือนกับภาษาของมนุษย์ที่มีต่างชนชาติกันไป เช่นภาษาอังกฤษ ไทย เกาหลี ญี่ปุ่น ฯลฯ Protocol ก็เช่นกัน โดยปกติถ้าเกิดคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องสื่อสารกันด้วยภาษาที่แตกต่าง ก็จะต้องใช้ตัวกลางในการแปล Protocol ของกันและกันโดยจะเรียกสิ่งนี้ว่า Gateway หรือเสมือนกับ “ล่าม” นั่นเอง
-
SSL
ความหมาย: ใบรับรอง (Certificate) ซึ่งมีหน้าที่เป็นระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยเว็บไซต์ที่ใช้ SSL จะมีการเข้ารหัสป้องกันเพื่อไม่ให้ผู้อื่นสามารถนำข้อมูลไปใช้ต่อได้ในกรณีที่โดนดักขโมยข้อมูลระหว่างทาง (ป้องกันการโดนแฮกเว็บไซต์)
-
Sitemap
ความหมาย: แผนผังเว็บไซต์แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ HTML Sitemap และ XML Sitemap
– HTML Sitemap คือแผนผังหรือโครงสร้างเว็บไซต์โดยรวมที่ถูกออกแบบมาสำหรับช่วยให้ผู้ใช้งานหรือผู้พัฒนาเข้าใจถึงโครงสร้างของเว็บไซต์
- XML Sitemap คือแผนผังเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ Robots หรือ Crawlers เข้าถึงโครงสร้างและหน้าที่สำคัญของเว็บไซต์ ที่ต้องการให้ Robots เข้าไปทำการเก็บข้อมูลเพื่อนำไปบ่งชี้บนหน้า Google
-
UX
ความหมาย: ย่อมาจาก User Experience คือประสบการณ์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ โดย UX ที่ดีควรจะออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้า บริการหรือข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก ไม่สับสนหน้าต่างๆ ลิงก์เข้า-ออกหากันอย่างมีประสิทธิภาพและจะต้องดึงให้ผู้ใช้อยู่บนเว็บฯ นั้นได้เป็นเวลานาน
-
UI
ความหมาย: ย่อมาจาก User Interface หรือพูดง่ายๆ ก็คือหน้าตาของเว็บไซต์ที่เราใช้งานกัน เพียงแค่หน้าตาสวยงามอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอเพราะ UI ที่ดีควรตอบสนองการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลต่างๆ การออกแบบ สีสัน ตัวอักษรที่อ่านแล้วสบายตา ใช้งานง่าย ซึ่งต้องทำงานร่วมกับ UX เพื่อให้ประสบการณ์ของผู้ใช้เว็บไซต์นั้นๆ ดีที่สุด
-
URL
ความหมาย: ย่อมาจาก Uniform Resource Locator ถ้าแปลตามหลักวิชาการจะหมายถึงตัวบ่งชี้แหล่งข้อมูลของเว็บไซต์ต่างๆ บนระบบอินเทอร์เน็ต แต่ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือที่อยู่ของเว็บไซต์
โดยปกติแล้ว URL ทั่วไปจะประกอบไปด้วย
1.โพรโตคอล อย่าง HTTP หรือ HTTPS
- Domain Name หรือชื่อโดเมน
- นามสกุลหรือส่วนขยายของโดเมน (นามสกุลที่คนนิยมใช้ เช่น .com, .co.th หรือ .org)
โดยเรียงลำดับดังนี้ โปรโตคอล :// ชื่อโดเมน . นามสกุลโดเมน ตัวอย่าง https://www.primal.co.th เป็นต้น
-
Responsive
ความหมาย: แนวคิดหรือวิธีการในการออกแบบเว็บไซต์เพียงหนึ่งครั้งแล้วสามารถรองรับการแสดงผลบนหน้าจอทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แล็บท็อป แท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือ (Smart Phone) ซึ่งวิธีการออกแบบนี้ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาบนแต่ละขนาดจอภาพก็จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไปแต่ยังคงยึดเอาโครงและข้อมูลสำคัญของหน้าเว็บไซต์หลักเอาไว้ ด้วยความที่ปัจจุบันผู้คนมีการใช้งานหน้าจอที่หลากหลาย Responsive Design จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากและยังส่งผลต่อการทำ SEO อีกด้วย
-
Redirect
ความหมาย: กระบวนการที่นำพาผู้ใช้และ Robots เชื่อมต่อจากหน้าเว็บไซต์หนึ่ง ไปยังอีกหน้าเว็บไซต์หนึ่งตามที่เราได้กำหนดเอาไว้ เช่น คุณกำหนดให้ปุ่ม Buy Now ลิงก์ไปยังหน้าสั่งซื้อสินค้า เมื่อผู้ใช้คลิกที่ปุ่ม Buy Now เว็บไซต์ก็จะพาเขาไปที่หน้านั้น
-
Organic
ความหมาย: การทำกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่สร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ (ไม่มีการซื้อโฆษณา) อย่างในกรณีนี้คือการทำ SEO ซึ่งก็ถือเป็นกระบวนการทำให้เว็บไซต์ต่างๆ ค่อยๆ ไต่อันดับขึ้นหน้าแรก Search Engine อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นวิธีที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการทำ (ไม่นับรวมค่าบริการในการจ้างคนทำ SEO)
-
Cache
ความหมาย: ส่วนของข้อมูลที่ถูกเก็บซ้ำๆ ไว้ในคอมพิวเตอร์ (Browser) สำหรับใช้ในการเข้าใช้งานเว็บไซต์ครั้งถัดไป ซึ่งจะทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องไปเรียกข้อมูลจากแหล่งต้นทางอีกครั้ง แต่จุดด้อยของ Cache คือเว็บไซต์มีการปรับเปลี่ยนหรืออัปเดต ข้อมูลแคชที่ถูกเก็บไว้ก็อาจจะดึงหน้าเว็บฯ แบบเดิมมาแสดงผล นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงควรมีการ Clear Cache อยู่เรื่อยๆ เพื่อทำการบันทึกข้อมูลชุดใหม่ๆ เข้าไปนั่นเอง
-
Bounce Rate
ความหมาย: ตัวชี้วัดประเภทหนึ่งที่ถ้าแปลตรงตัวจะหมายถึง “อัตราการตีกลับ” แต่ในแง่ของเว็บไซต์มันคือการชี้วัดสัดส่วนการเข้าชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียว หรือก็คือการที่ผู้ใช้เข้ามาบนเว็บไซต์หน้าใดหน้าหนึ่งแล้วก็ออกทันทีโดยที่ไม่มีการคลิกไปยังหน้าอื่นๆ นั่นเท่ากับว่าหากเว็บไซต์ของคุณยิ่งมี Bounce Rate สูง นั่นยิ่งเท่ากับว่าเว็บไซต์ของคุณไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการจะทำให้ Bounce Rate ลดลงก็ต้องอาศัยประสบการณ์การใช้งานที่ดี การดึงดูดรวมถึงคอนเทนต์ข้อมูลต่างๆ ต้องน่าสนใจชวนให้ผู้ใช้สนใจอ่านต่อหรือคลิกไปยังหน้าอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
-
Back-end
ความหมาย: ระบบจัดการเว็บไซต์หรือที่คนเรียกกันติดปากว่า “ระบบหลังบ้าน” โดยส่วนมากคนที่จะเข้าถึงในส่วนดีได้มักจะเป็นผู้ดูแลระบบเว็บไซต์หรือ นักพัฒนาเว็บไซต์ (Developer) เท่านั้น เนื่องจากจะเป็นส่วนของข้อมูลที่ต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางเพราะจะเป็นเรื่องของการเขียนโค้ดสำหรับควบคุมการทำงานต่างๆ เช่น HTML, PHP, ASP, XML, JAVA ฯลฯ ไปจนถึงการเพิ่ม ลบ ปรับเปลี่ยน แก้ไขหน้าเว็บไซต์
-
Backlink
ความหมาย: ลิงก์ที่ได้รับการเชื่อมโยงมาจากเว็บไซต์อื่นๆ อาจจะอยู่ในรูปแบบของการอ้างอิงข้อมูล หรือการใส่ลิงก์เอาไว้ในหน้าใดหน้าหนึ่งเพื่อประโยชน์ในทางธุรกิจหรืออื่นๆ เช่น มีเว็บไซต์หนึ่งเขียนบทความเกี่ยวกับการตลาดดิจิทัลเชิงลึก แล้วมีการอ้างอิงถึงข้อมูลที่เว็บไซต์นั้นดึงบางส่วนจากบทความของ Primal ไปใช้
เขาก็จะมีการใส่ลิงก์เอาไว้เป็นการอ้างอิงหรือขอบคุณเจ้าของข้อมูล เมื่อผู้คนอ่านบทความนั้นแล้วเกิดสนใจอยากดูแหล่งที่มาของข้อมูล เมื่อเห็นลิงก์ที่ถูกใส่เอาไว้แล้วคลิกเข้ามา Primal ก็จะได้ Backlink จากเว็บไซต์ดังกล่าวนั่นเอง
-
Anchor Text
ความหมาย: กลุ่มคำ, วลี หรือประโยคที่มีลิงก์ (URL) แนบอยู่ในตัวอักษร วลีหรือประโยคที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ปลายทาง โดยส่วนมากการทำ SEO จะต้องมีการใส่ Anchor Text เอาไว้ เพื่อให้มีโอกาสในการให้คนได้คลิกเข้าไปเพื่อศึกษาหรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากสิ่งที่กำลังอ่านอยู่
หรือถ้าบทความในเว็บไซต์อื่นๆ มี Anchor Text ที่ใส่ลิงก์เว็บไซต์ของคุณเอาไว้ เมื่อมีคนคลิกคุณก็จะได้ Backlink กลับมาด้วย ดังนั้นโดยปกติแล้วหากมีการทำ Outreach (ส่งคอนเทนต์บทความเพื่อไปโพสต์ลงหน้าเว็บอื่นๆ) ก็มักจะมีการใส่ Anchor Text เอาไว้ในคำคีย์เวิร์ดเพื่อให้ผู้อ่านสามารถเข้ามายังหน้าเว็บฯ ของเราได้
-
Error 404
ความหมาย: Not Found หรือหาไม่เจอ ความหมายก็คือลิงก์ URL นั้นๆ อาจจะถูกลบ ปรับเปลี่ยน หรือไม่เคยมีอยู่เลยก็ได้ ส่วนมากคนที่จะเข้ามาเจอหน้านี้มีอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือ ผู้ใช้พิมพ์ลิงก์ URL ผิด กับอีกอย่างก็คือ หน้าเว็บไซต์มีปัญหา แม้ว่า Error 404 อาจจะยังไม่มีผลใดๆ กับการจัดอันดับเว็บไซต์ในทางตรง แต่ในทางอ้อมแล้วหากลิงก์เว็บไซต์นั้นๆ มีปัญหาบ่อยๆ ผู้ใช้คลิกเข้าไปทีไรก็เห็น Error 404 ก็เป็นไปได้สูงที่คนจะไม่กลับเข้ามาคลิกลิงก์นั้นอีกเพราะเขาจำได้แล้วว่าคลิกเข้าไปทีไรก็มีปัญหา อีกหนึ่งคำศัพท์ SEO ที่คนน่าจะพบเจออยู่บ่อยๆ
-
302 Redirect
ความหมาย: การเปลี่ยนเส้นทางการเข้าถึง URL ชั่วคราว ในกรณีนี้สามารถพบเจอได้กับเว็บไซต์ที่อาจจะกำลังปรับปรุงเนื้อหาหรือเหตุผลใดๆ ก็ตามที่ไม่พร้อมให้ผู้ใช้เข้าไปในหน้าเว็บไซต์นั้นๆ ก็จะมีการ Redirect ชั่วคราวไปยังลิงก์ปลายทางที่กำหนดไว้
ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ กับ SEO บน URL เดิม เวลาที่มีคนค้นหาใน Search Engine ระบบก็ยังคงแสดงผลเป็น URL เดิมเพียงแต่เมื่อคลิกเข้าไปก็จะถูกนำพาให้เข้าสู่ URL ที่คุณกำหนดไว้จนกว่าหน้าเว็บไซต์ต้นฉบับจะได้รับการแก้ไขพร้อมใช้งานดังเดิม แต่! หากจำเป็นต้องทำ 302 Redirect จริงๆ ก็ควรทำในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
-
301 Redirect
ความหมาย: การเปลี่ยนเส้นทางการเข้าถึง URL ถาวร เป็นการบอกระบบ Search Engine ต่างๆ ที่เข้ามาอ่านเว็บไซต์ของคุณว่า จะไม่มีการใช้งาน URL เดิมอีกต่อไปให้เข้าไปอ่านข้อมูลใน URL ใหม่แทน ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์เดิมของเราคือ www.เว็บไซต์.com แล้วเราทำการเปลี่ยนเป็น www.เว็บไซต์.co.th จากเดิมที่ Search Engine จะเข้าไปอ่านข้อมูลทาง .com เมื่อทำ 301 Redirect ระบบก็จะเข้าใจแล้วว่าจะต้องเข้าไปอ่านข้อมูลใน .co.th แทน
อย่างไรก็ตามการทำ 301 Redirect จะไม่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ของคุณ หรือถ้าเสียก็จะส่งผลกระทบต่อการจัดลำดับเว็บไซต์ของคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่การทำ 301 Redirect ในหน้า URL ใหม่จะต้องมีเนื้อหาที่คล้ายคลึงหรือสอดคล้องกับหน้าเว็บเดิมไม่อย่างนั้นจะกระทบกับการทำ SEO ของคุณแน่นอน
-
Browser
ความหมาย: โปรแกรมสำเร็จรูปที่ไว้สำหรับให้ผู้ใช้เข้าถึงหน้าเว็บเพจต่างๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับให้ผู้ใช้ สามารถใช้สื่อสารผ่านหน้าเว็บเพจที่สร้างขึ้นจากภาษาคอมพิวเตอร์ อาทิ HTML, PHP, JAVA ฯลฯ โดย Browser ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันก็จะมี Google Chrome, Firefox, Safari, Internet Explorer, Microsoft Edge เป็นต้น
แม้คำศัพท์ SEO เหล่านี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดที่คุณจะมีโอกาสได้ยินหากต้องทำ SEO แต่คำศัพท์ทางการตลาดออนไลน์เพียงเท่านี้ก็ครอบคลุมให้คุณเข้าใจถึงสิ่งต่างๆ ที่คนทำ SEO นิยมนำมากล่าวถึงกันและไม่ต้องแปลกใจหากคุณเคยได้ยินบางคำมาแล้วก่อนหน้านี้แต่กลับมีความหมายที่แตกต่าง เพราะว่าการทำการตลาดดิจิทัลในแต่ละวิธี อาทิ การซื้อโฆษณา (Paid Media) การทำคอนเทนต์ Social Media หรือการทำ SEO ก็มีโอกาสที่จะต้องใช้คำๆ เดียวกันแต่ให้ความหมายที่แตกต่างกันออกไปได้
Join the discussion - 0 Comment