การค้าปลีกได้รับการกำหนดเป้าหมายจากการทำ Digital Marketing ธุรกิจค้าปลีกในฐานะที่เป็นพื้นที่เปิดกว้างในการสำรวจ เกือบทุกแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการตลาดค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ ในทางกลับกันหนึ่งในข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้ค้าปลีกตามร้านต่างๆ กำลังทำคือการยกเลิกการตลาดออนไลน์ ซึ่งทำให้โอกาสในการทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อยอดขายถูกละเลยไป ซึ่งในยุคของการตลาดค้าปลีกในตอนนี้ แบรนด์จะต้องสามารถติดตามและทำความเข้าใจกับการใช้งานโลกดิจิทัลหลากหลายรูปแบบของลูกค้า เพื่อให้ได้ยอดขายตามที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้นจึงเป็นที่แน่นอนว่าดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งสำหรับธุรกิจค้าปลีกคือหนึ่งในวิธีนำเสนอที่ดีที่สุดในการผลักดันการซื้อในร้านค้าและเป็นการเพิ่มยอดเข้าชมร้านค้าออนไลน์อีกด้วย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจค้าปลีก อาทิ โฆษณา Facebook สำหรับธุรกิจค้าปลีก และโฆษณาบนช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ สำหรับธุรกิจค้าปลีกล้วนแต่เป็นช่องทางที่เพิ่มรายได้ให้กับบริษัท โดยแบรนด์ที่ใช้ Facebook ads เพื่อโปรโมตธุรกิจค้าปลีก นั้นจะช่วยให้บริษัท ได้รับประโยชน์สูงสุดสื่อเหล่านี้ กล่าวคือบริษัทนั้นจะ ต้องเป็นที่ที่ลูกค้าอยู่และมีแนวโน้มที่จะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นทางโลกออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโซเชียลมีเดีย โดยบริษัทที่อยากเข้าถึงลูกค้า ต้องการมีส่วนร่วมและอยากหาผู้ซื้อออนไลน์ จะต้องยอมรับมุมมองของโซเชียลมีเดียให้ได้ว่าบนแพลตฟอร์มนั้นจะต้องมีคอนเทนต์แบบออร์แกนิกและคอนเทนต์ที่มีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
วิธีที่ผู้คนซื้อสินค้ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และแน่นอนว่าหากผู้ค้าปลีกรายไหนไม่ได้ปรับตัวไปตามพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไปก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นช่วงที่สาหัสในการทำธุรกิจเหมือนกัน โดยทุกวันนี้หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการค้าปลีก คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่แค่โซเชียลมีเดียและอีเมลมาร์เก็ตติ้ง แต่ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ อีกมากมายที่สร้างสรรค์และสามารถใช้ประโยชน์จากสื่อการตลาดออนไลน์ได้แทบทุกรูปแบบ ตัวอย่างเช่น แบรนด์ที่มีการจำหน่ายสินค้าเพียยงช่องทางเดียวหากกแต่มีกลยุทธ์ในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับ Retail Marketing ก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าและรักษาฐานลูกค้าไว้ได้โดยเฉลี่ยมากถึง 90% เมื่อเทียบกับแบรนด์ที่ไม่ได้ทำการตลาดค้าปลีก กลับรักษาลูกค้าไว้ได้เพียง 30% เท่านั้น
ไม่มีใครในโลกธุรกิจที่จะไม่เห็นด้วยว่าปัจจุบันนี้มีปริมาณการใช้งานมือถือมากพอที่จะทำให้ปริมาณการใช้เดสก์ท็อปสำหรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่เริ่มเสียความสำคัญไป นั่นหมายถึงประสบการณ์การซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือและการตอบสนองต่อเว็บไซต์ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับแผนการตลาดออนไลน์ของธุรกิจค้าปลีกทุกราย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์จึงควรเริ่มพิจารณาได้แล้วว่า อยากให้ประสบการณ์ของผู้ใช้งานที่ได้สัมผัสของแบรนด์ตนเองผ่านทางแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างไร ที่สำคัญคือภาพและคอนเทนต์ของแบรนด์ควรทำให้ Mobile-friendly และตอบสนองได้รวดเร็วพอ
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าการจะสร้างกลยุทธ์การตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจค้าปลีกที่ดีนั้น ควรมีสิ่งจำเป็นดังต่อไปนี้
จำนวนการค้นหาแบบออร์แกนิกเสิร์ชคือตัวขับเคลื่อนสำคัญของปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ ด้วยการวิเคราะห์นั้นนักการตลาดที่ฉลาดจะสามารถใช้ข้อมูลที่มีค่านี้ นำไปพัฒนาเนื้อหาของคอนเทนต์และวางแผนแคมเปญที่ตรงกับเป้าหมายคู่แข่งมากที่สุด โดยสิ่งสำคัญคือการผลิตเนื้อหาที่อิงจากสิ่งที่ผู้คนกำลังมองหาอยู่บนโลกออนไลน์ ซึ่งก็จะมีโอกาสสูงที่จะเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณในการค้นหาให้อยู่ในลำดับต้นๆ นอกจากเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย และร้านค้าต่างก็มีข้อมูลจำนวนมากอยู่แล้ว ลองถามคำถามง่ายๆ อย่าง คุณรู้หรือไม่เมื่อมีคนโต้ตอบบนโซเชียลมีเดีย สมัครรับจดหมายข่าว หรือแม้แต่เมื่อลูกค้าซื้อสินค้าในร้านของคุณ? เพราะความสามารถที่จะติดตามกิจกรรมเหล่านี้ จะเป็นแนวทางในการส่งข้อความส่วนบุคคลและสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดค้าปลีกที่ครอบคลุมและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการตลาดออนไลน์
มีการค้นหาบนช่องทางโซเชียลมีเดียทุกๆ วินาทีของทุกๆ วัน ซึ่งโปรไฟล์ของ Facebook หรือฟีดของ Instagram และร้านค้าออนไลน์นั้นสามารถทำการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมเพื่อช่วยให้ผู้ใช้พบเจอสิ่งที่กำลังมองหา เช่นเดียวกันกับการทำ SEO ที่ทั้งหมดนี้คุณจำเป็นต้องบาลานซ์ระหว่างเนื้อหาที่ดีและการใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้รับการจัดอันดับและช่วยให้ลูกค้าของคุณค้นพบสิ่งที่ต้องการ อีกทั้งคุณยังจะต้องการทำงานโฆษณาผ่านสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำหรับการค้าปลีกของคุณ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าแคมเปญโฆษณาบน Facebook แบบค้าปลีกเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและประสบความสำเร็จที่สุด โฆษณา Facebook ads สำหรับธุรกิจค้าปลีกเหล่านี้สามารถดัน ROI ที่จะนำมาซึ่งโอกาสในการขายและเพิ่มการรับรู้แบรนด์ จึงเรียกได้ว่าโฆษณาบน Facebook สำหรับธุรกิจค้าปลีกควรเป็นช่องทางหลักสำหรับแนวทางการตลาดออนไลน์
ในปัจจุบันสำหรับการพัฒนาระบบของอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ การออกแบบระบบเพื่อจัดหมวดหมู่ประเภทผลิตภัณฑ์ทั้งหมดอาจจะทำให้ผู้ค้าปลีกเกิดความสับสนในการใช้งานได้ว่าฟีเจอร์ไหนที่ลงทุนต่ำที่สุดแต่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคจำนวนมากที่สุดได้กันแน่? แล้วคุณสมบัติเหล่านี้เหมาะกับการตลาดค้าปลีกในระดับภูมิภาคหรือทั่วโลก? หากมีงบประมาณ จำกัดสำหรับการตลาดดิจิตอลควรใช้เงินลงทุนกับช่องทางไหนมากกว่ากัน? คำถามเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ค้าปลีกต้องคอยถามตัวเองซ้ำๆ เมื่อต้องเผชิญกับข้อเสนอมากมายจากการตลาดดิจิตอลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่นั่นคือสิ่งที่เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ด้านธุรกิจค้าปลีกอย่าง Primal สามารถช่วยคุณได้ เราเป็นตัวแทนด้านการตลาดดิจิทัลชั้นนำในประเทศไทย ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ เรามีประสบการณ์มากมายในการทำงานกับแพลตฟอร์มค้าปลีกทั้งหมดที่มีสำหรับทั้งโซเชียลมีเดียและร้านค้าอีคอมเมิร์ซแบบ Stand-alone
เอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจค้าปลีกของเราสามารถวิเคราะห์ประเภทธุรกิจค้าปลีกของคุณและพาคุณไปในทิศทางที่เหมาะสม เราจะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องจ่ายมากไปกว่าที่คุณต้องการ อีกทั้งเรายังสามารถให้ข้อมูลที่จะบอกคุณได้ว่าแพลตฟอร์มไหนวิเคราะห์ได้ดีกว่า นอกจากนี้เรายังสามารถนำเสนอรีพอร์ตที่จะแสดงให้คุณเห็นว่า คู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดของคุณคือใครเพื่อใช้ในการทำการตลาด เรียกได้ว่า Primal เป็นเอเจนซี่ทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจค้าปลีก ที่พร้อมเสนอโอกาสที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา ช่วยเพิ่มการเติบโตทางธุรกิจในสายดิจิตอล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Primal ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Results-Driven In-House Experts
Brand Partners
Regional Offices