GDN คือหนึ่งในกลยุทธ์ช่วยเพิ่มยอดขายที่นักยิงแอดควรรู้!

ปัจจุบันนี้ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เริ่มหันมาใช้รูปภาพหรือวิดีโอแบบสั้น ๆ ในการสื่อสารทำให้ผู้คนรู้จักสินค้าและบริการมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในบริการของ Google ก็มีวิธีการทำโฆษณาด้วยรูปภาพเหมือนกับช่องทางอื่น ๆ ในตลาดเช่นกัน สิ่งนั้นก็คือ Google Display Network หรือ GDN

วันนี้เราจึงอยากจะพาทุกคนไปรู้จักกับ Google Display Network ให้มากขึ้น เพราะคือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของ Google ที่จะช่วยโฆษณาข้อความต่าง ๆ ที่คุณต้องการไปยังกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงช่วยทำ Retargeting และ Remarketing รับรองว่าหากนำความรู้เรื่องการทำโฆษณาตัวนี้ไปใช้ ก็จะทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ จนนำไปสู่การเพิ่มยอดขายของสินค้าและบริการได้แน่นอน

 

Table of Contents

ทำความรู้จัก Google Display Network ให้มากขึ้น 

GDN คือรูปแบบการทำโฆษณาบน Google หรือมีชื่อเต็มคือ Google Display Network ซึ่งจะนำเอาโฆษณาของเรากระจายไปยังหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google

โดย Google Display Network หรือ GDN คือ การลงโฆษณากับ Google ที่จะแสดงผลการโฆษณาในแบบต่าง ๆ ทั้ง Text Ads และ Display Ads ในรูปแบบ Banner หรือ Video ผ่านทางเว็บไซต์ที่ได้ลงทะเบียนเป็นเครือข่ายกับ Google เอาไว้ ซึ่งเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านี้จะต้องเป็นเว็บไซต์ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ Google ว่ามีคุณภาพ ที่จะต้องมาพร้อมกับเนื้อหาภายในเว็บไซต์ที่ดีและมีจำนวนผู้เข้าชมมากพอ เพื่อให้การโฆษณาผ่านเว็บไซต์เหล่านี้มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งในปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ลงทะเบียนกับ Google มากกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ด้วยกัน! 

หากว่าใครยังนึกภาพไม่ออกว่า GDN คืออะไร และมีรูปแบบการทำงานเป็นอย่างไร ให้ลองนึกถึงโฆษณาในแบบภาพ Banner Ads ที่เรามักเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ในเว็บไซต์ที่เข้าไปใช้งาน ซึ่งการโฆษณาในรูปแบบนี้คือสิ่งที่เรียกว่า GDN นั่นเอง 

นั่นหมายความว่า หากเราลงโฆษณาแบบ GDN กลุ่มเป้าหมายของเราก็ไม่จำเป็นต้องค้นหาสินค้าผ่าน Search Engine แต่สามารถเห็นโฆษณาได้เลยผ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่พวกเขาเข้าไปเยี่ยมชม จึงเป็นการทำให้กลุ่มเป้าหมายเห็นสินค้าและบริการของคุณถี่ยิ่งขึ้น ยิ่งเห็นบ่อยก็จะยิ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือ ทำให้เกิดความสนใจในสินค้า และเพิ่มโอกาสที่จะทำให้พวกเขาเข้ามาคลิกเพื่อไปเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้น ซึ่งสามารถนำไปสู่การซื้อสินค้าหรือบริการในที่สุด

google display ads

รูปแบบของ Google Display Network

เราสามารถแบ่งรูปแบบของ Google Display Ads ออกเป็น 4 แบบ ดังต่อไปนี้

1.Text Ads 

หรือโฆษณาแบบข้อความ เป็นโฆษณาที่ประกอบด้วยหัวข้อ เนื้อหา และ URL ที่จะ Link ไปยังหน้า Target Page ของเรา 

2.Banner Ads หรือ Image Ads

คือ ไฟล์รูปภาพที่จัดทำเป็นโฆษณาขนาดต่าง ๆ สามารถใช้ได้ทั้งไฟล์สกุล GIF, JPG, และ PNG โดยที่สามารถปรับแต่งภาพ เค้าโครง สีพื้นหลัง และภาพบนโฆษณาได้

3.Responsive Ads 

คือ ไฟล์รูปภาพหรือวิดีโอที่มีการปรับเปลี่ยนขนาดและรูปแบบไปตามหน้าจอของผู้ใช้งาน นอกจากนี้โฆษณาประเภทนี้ยังปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามผู้ใช้งาน และขึ้นอยู่กับว่าใครกำลังดูโฆษณา รวมถึงโต้ตอบกับโฆษณานั้น ๆ อย่างไร

4. VDO Ads 

คือ โฆษณาในรูปแบบคลิปวิดีโอ โดยโฆษณาในรูปแบบนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังจากที่ Youtube ได้รวมเข้ามาอยู่ใน Display Network ด้วย

 

รวมขนาดภาพโฆษณา Google Display Network อัปเดตปี 2023

สำหรับโฆษณา GDN ขนาดภาพก็มีผลต่อประสิทธิภาพการแสดงผลโฆษณาด้วยเช่นกัน โดยเราได้รวบรวมขนาดภาพที่นักการตลาดนิยมนำไปปรับใช้กับแคมเปญ GDN มากที่สุด แต่จะมีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูพร้อมกันได้เลย 

1.รูปแบบ Square ขนาด 250 x 250 พิกเซล

ขนาดภาพสี่เหลี่ยมจตุรัส แสดงผลได้ดีทั้งบนเดสต์ท็อปและมือถือ

2.รูปแบบ Small Square ขนาด 200 x 200 พิกเซล

ขนาดภาพนี้คล้ายกับแบบ Square แต่จะเล็กกว่า ถ้าอยากทำโฆษณาที่ไม่อยากให้โดดเด่นหรือกินพื้นที่จนเกินไป รูปแบบภาพประเภทนี้จะเหมาะสมอย่างมาก

3.รูปแบบ Medium Rectangle ขนาด 300 x 250 พิกเซล

ขนาดมาตรฐานยอดนิยม ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก เหมาะแก่การวางในตำแหน่งหน้าเว็บไซต์

4.รูปแบบ Large Rectangle ขนาด 336 x 280 พิกเซล

เหมาะกับแคมเปญที่อยากให้กลุ่มเป้าหมายโฟกัสที่ตัวโฆษณามากขึ้น

5.รูปแบบ Full Banner ขนาด 468 x 60 พิกเซล

ขนาดนี้เหมาะกับเว็บไซต์ประเภทเว็บบอร์ด สามารถวางได้ทั้งซ้ายและขวาตามต้องการ

6.รูปแบบ Leaderboard ขนาด 728 x 90 พิกเซล

ขนาดแบนเนอร์ที่สร้างผลลัพธ์ Conversion ได้ดีมาก ด้วยรูปแบบแนวนอนเห็นชัดเจน ทำให้เมื่อกลุ่มเป้าหมายเข้าเว็บไซต์ก็สามารถเห็นแบนเนอร์นี้ได้ทันที

7.รูปแบบ Large Leaderboard ขนาด 970 x 90 พิกเซล

แบนเนอร์นี้ขนาดค่อนข้างใหญ่ จึงมักนิยมใช้ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากกว่าธุรกิจอื่น ๆ

8.รูปแบบ Skyscraper ขนาด 120 x 600 พิกเซล

ขนาดภาพแนวตั้งทรงสูง มีรูปทรงแปลกตา อาจไม่ได้เห็นตามเว็บไซต์มากนักเนื่องจากใส่เนื้อหาคอนเทนต์ได้น้อย

9.รูปแบบ Wide Skyscraper ขนาด 160 x 600 พิกเซล

มีขนาดเป็นภาพแนวตั้งเช่นกัน มักนิยมใช้ในเว็บไซต์ประเภทข่าวสาร

10.รูปแบบ Half Page ขนาด 300 x 600 พิกเซล

เป็นขนาดภาพที่นิยมใช้อย่างมาก เนื่องจากสามารถแสดงเนื้อหาพวกข้อเสนอส่วนลด โปรโมชัน ได้ชัดเจน ทำให้แบรนด์มีโอกาสแสดง Visual สวย ๆ เพื่อดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้าไปดูได้อย่างรวดเร็ว 

 

วิธีเริ่มต้นใช้งาน Google Display Network (GDN)

สำหรับวิธีเริ่มต้นใช้งาน Google Display Network (GDN) มีดังนี้

1.เริ่มต้นลงชื่อเข้าใช้บัญชี Google Ads

2.คลิกสร้างแคมเปญด้วยปุ่ม แคมเปญใหม่ หรือ New Campaign 

3.เลือกวัตถุประสงค์ในการทำแคมเปญโฆษณา

4.กดเลือก “Display Network only” เป็นประเภทแคมเปญ พร้อมใส่รายละเอียดแคมเปญต่าง ๆ ทั้งชื่อแคมเปญ สถานที่ตั้ง ภาษา การเสนอราคา รวมถึงงบประมาณ โดยความพิเศษของ GDN จะอยู่ที่การใช้งบประมาณไม่เยอะ แต่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้จำนวนมหาศาล

5.ใส่ข้อมูลใน Ad Group โดยเลือกกลุ่ม Audience ตามวัตถุประสงค์การทำโฆษณา ทั้ง Detail Demographics, Affinity, In-market, Life events, Remarketing, Similar Audience, Audience Combinations, Custom Audience

6.กำหนด Demographic และความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งกำหนดเพศ อายุ สถานะครอบครัว รายได้ในครัวเรือนเพื่อที่จะได้รู้ว่าโฆษณาของเรานั้นควรจะแสดงที่เว็บไซต์ไหนหรือแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นในช่วงเวลาใด ที่จะทำให้พวกเขาสนใจสินค้าจนอยากจะกดคลิกเข้ามาซื้อสินค้าของเรามากที่สุด

7.ใส่ข้อมูลใน Content ทั้งคีย์เวิร์ด หัวข้อ (Topics) รวมถึงตำแหน่งที่โฆษณาจะไปแสดง (Placement)

8.เมื่อใส่ข้อมูลครบถ้วน ก็สามารถอัปโหลดตัวโฆษณาที่ต้องการแสดงผลไปยังกลุ่มเป้าหมายได้เลย โดยอย่าลืมใส่ Headline และรายละเอียด Description ให้ครบถ้วน เพียงเท่านี้ตัวโฆษณาก็จะไปแสดงผลยังกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมตามที่เราต้องการแล้ว

 

โฆษณา GDN (Google Display Network) แสดงผลในหน้าเว็บฯ ได้มากมายหลายวิธี

สำหรับการทำโฆษณา Google Display Ads มีวิธีเลือกกลุ่มเป้าหมายเพื่อแสดงผลโฆษณาหลัก ๆ แบ่งได้ 4 วิธี ดังนี้

  • Keyword Contextual Targeting

การทำโฆษณา GDN ประเภทนี้จะเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่เราตั้งค่าไว้โดยตรง เช่น หากเราตั้งค่า คีย์เวิร์ดคำว่า “อาหารออร์แกนิก” ไว้ในตัวโฆษณา เมื่อมีผู้ใช้งานค้นหาคำนี้ และได้เข้ามาในหน้าเว็บไซต์ที่มีคีย์เวิร์ดคำนี้อยู่ โฆษณาของเราก็จะมาแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นในหน้าเว็บไซต์นั้น ๆ ด้วย 

  • Remarketing

หลักการทำโฆษณา Google Display Ads เมื่อกลุ่มเป้าหมายเข้าไปในหน้าเว็บไซต์ที่มีการฝังโค้ดของ Remarketing เอาไว้ ระบบจะทำการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานคนนั้น ๆ จากนั้นเมื่อกลุ่มเป้าหมายเข้าไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ โฆษณา GDN ของเราที่ทำการฝังโค้ด Remarketing เอาไว้ ก็จะขึ้นแสดงผลเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นโฆษณาของเราอีก เรียกว่า เป็นการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานเพื่อให้โฆษณา GDN ได้ตามติด และแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นจนพวกเขาอยากจะซื้อสินค้าในที่สุด

  • Topic Targeting

การทำโฆษณา GDN วิธีนี้ สามารถเลือกลงโฆษณาตามกลุ่มเป้าหมาย (Target) และตามหัวข้อ (Topic) ได้ ตัวอย่างเช่น เจ้าของแบรนด์ขายสินค้าประเภทอาหารออร์แกนิก สามารถกำหนดตัวโฆษณาให้ไปแสดงผลยังเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารออร์แกนิกหรือการรักษาสุขภาพได้ แต่ทั้งนี้ จะไม่สามารถเลือกได้แบบเจาะจงว่าเป็นเว็บไซต์ใด แต่การเลือกแสดงผลโฆษณาด้วยวิธีนี้ จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ มองเห็นและสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของเราได้ง่ายขึ้น

  • Placement Targeting

การทำโฆษณา GDN วิธีนี้จะตรงข้ามกับวิธี Topic Targeting โดยสิ้นเชิง เพราะจะเป็นวิธีที่สามารถเจาะจงเว็บไซต์เป้าหมายที่จะให้โฆษณาไปแสดงได้ โดยเจ้าของธุรกิจอาจต้องเลือกเว็บไซต์ที่เป็นฐานกลุ่มลูกค้าหรือเลือกเว็บฯ ที่มีลูกค้าเข้าถึงเป็นจำนวนมาก เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น เพราะการระบุเว็บไซต์สามารถให้แผนทางการตลาดของแต่ละสินค้าและบริการเป็นไปตามเป้าหมายได้ 

google display ads คือ

GDN VS SEM แตกต่างกันอย่างไร? 

การลงโฆษณากับ Google มีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งสามารถแบ่งได้กว้าง ๆ ทั้งหมด 2 ประเภทด้วยกัน คือ 

1. Google Search หรือ SEM คือ การทำโฆษณาบนระบบ Search

2. Google Display Network หรือ GDN

โดยทั้ง 2 รูปแบบมีจุดเด่นต่างกัน โดย Google Search คือการทำโฆษณาเพื่อให้เว็บไซต์ที่เราจ่ายเงินโชว์ในหน้าแสดงรายการ SERP ของ Google เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาคีย์เวิร์ดสามารถเจอเว็บไซต์ของเราเป็นลำดับแรก ๆ ส่วน GDN คือ การลงโฆษณาในรูปแบบ Text Ads และ Display Ads ผ่านทางเว็บไซต์ที่เราเพิ่งกล่าวไป แต่ถึงแม้โฆษณาทั้งสองรูปแบบจะมีปลายทางการแสดงผลต่างกัน แต่ก็สามารถช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกันได้ ซึ่งหากว่าแบรนด์ของคุณมีงบประมาณมากพอ ก็ควรที่จะลงโฆษณาทั้งแบบ GDN และ SEM เพราะเมื่อคนได้เห็นแบรนด์หรือสินค้าผ่านแบนเนอร์ต่าง ๆ ในเว็บไซต์บ่อยครั้งเท่าไหร่ ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเกิดการจดจำและค้นหาชื่อแบรนด์สินค้าของคุณผ่าน Search Engine ทำให้เพิ่มโอกาสในการเพิ่มยอดขายให้เพิ่มขึ้น

 

GDN เหมาะกับใคร ทำไมถึงควรใช้งานโฆษณาตัวนี้? 

หลังจากรู้ว่าการทำโฆษณาแบบ Google Display Ads ว่าคืออะไรกันไปแล้ว แต่ในการทำโฆษณาประเภทนี้ เราเอาจต้องเลือกให้เหมาะกับวัตถุประสงค์ในการทำการตลาดของแบรนด์ด้วย เพราะอย่างที่บอกไปว่า การโฆษณาแบบ GDN นั้นจะตอบโจทย์การทำ Brand Awareness และการทำการตลาดแบบ Remarketing เนื่องจากสามารถตั้งค่าให้โฆษณาของเราไปแสดงยังผู้ที่เคยเข้ามาดูเว็บไซต์ ซึ่งจะทำให้พวกเขาจดจำแบรนด์ของเราได้ พร้อมกับช่วยให้เกิดการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้ง่ายขึ้น ดังนั้น Google Display Network (GDN) จึงเหมาะมาก ๆ กับแบรนด์หรือธุรกิจดังต่อไปนี้

  • แบรนด์ใหม่ ที่ต้องการให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักและจดจำแบรนด์ได้ 
  • แบรนด์เก่า ที่ต้องการเปิดตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ให้เป็นที่รู้จัก
  • แบรนด์เก่าที่ต้องการเพิ่มยอดขายให้กับลูกค้ากลุ่มเดิม หรือโน้มน้าวให้คนที่สนใจสินค้าแต่ยังไม่เคยซื้อตัดสินใจที่จะซื้อ ผ่านการทำ Retargeting และ Remarketing

Google Display Network มีข้อดีมากมาย เพราะด้วยฟังก์ชันที่สามารถฟิลเตอร์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างละเอียด ทำให้ตัวโฆษณาสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกระดับ ทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาคหรือแม้แต่ระดับโลก พร้อมกันนั้น ยังช่วยให้สามารถเข้าถึงลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งยังสามารถปรับโฆษณาให้รองรับกับการแสดงผลในอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เดสต์ท็อป แท็บแลต ไปจนถึงหน้าจอสมาร์ตโฟน พร้อมกันนั้น นักการตลาดยังสามารถเลือกรูปแบบโฆษณาได้หลากหลาย ทำให้มั่นใจว่างบการทำโฆษณาด้วยวิธีนี้จะต้องเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายไม่มากก็น้อยแน่นอน

 

สรุป

Google Display Network (GDN) มีรูปแบบการตลาดออนไลน์หลากหลาย ลงโฆษณาได้หลายเว็บไซต์ตามต้องการด้วยการจัดการเพียงครั้งเดียว รวมถึงสามารถสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ (Brand Awareness) จากการเข้าถึงคนหลักล้านได้ในงบแค่หลักพัน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีเพิ่มโอกาสทางการขายและเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาซื้อสินค้าหรือบริการของเราในอนาคต

แต่นอกเหนือจากการใช้ Google Display Ads ยังมีเครื่องมือการตลาดดี ๆ อีกมากมายที่สามารถช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณให้ก้าวไปอีกขั้น หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจ Primal Digital Agency เอเจนซี่ดิจิทัล มาพร้อมกับทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาแนะนำ หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจ สามารถกรอกรายละเอียดเพื่อกดรับแผนการตลาดจากเราได้เลย