6 เทร็นด์ PPC ที่นักการตลาดควรรู้ ฉบับอัปเดตปี 2023
เมื่อบริบททางสังคมเปลี่ยนแปลงไป หลาย ๆ อย่างก็เข้าสู่ความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่พฤติกรรมการซื้อ-ขายของผู้บริโภค จากที่แต่ก่อน จะซื้ออะไรทีเราก็ต้องออกไปข้างนอกที แต่เดี๋ยวนี้แค่นอนจิ้มมือถืออยู่ที่บ้านก็รอรับของได้เลยง่าย ๆ เรียกได้ว่าเป็นความสะดวกสบายที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่ซึ่งใช้ชีวิตอยู่บนความเร่งรีบเป็นอย่างมาก
ดังนั้น ในโลกอินเทอร์เน็ตจึงเต็มไปด้วยการแข่งขันของเหล่าธุรกิจต่าง ๆ ที่ต้องทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้ามองเห็นตนเองให้ได้มากที่สุด ซึ่งกลยุทธ์ยอดฮิตที่นักการตลาดรู้จักกันดีก็คงหนีไม่พ้นการทำ SEO และ PPC
สำหรับธุรกิจไหนที่เพิ่งเริ่มสร้างแบรนด์ หรือไม่อยากเปลืองงบประมาณในการโฆษณามากนัก การทำ SEO ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่างที่รู้ว่ากว่าจะเห็นผลลัพธ์ SEO นั้นต้องใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน สำหรับใครที่ไม่อยากรอ ไม่อยากลุ้น ต้องการความมั่นใจว่าเว็บไซต์ของตัวเองจะได้ขึ้นไปอยู่บนอันดับต้น ๆ บนหน้าผลการค้นหาแน่ ๆ การทำ Pay-per-click หรือ PPC คือคำตอบ
Table of Contents
PPC คืออะไร
PPC ย่อมาจาก Pay-per-click คือ การจ่ายเงินเพื่อซื้อพื้นที่โฆษณาบนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine สามารถรับประกันได้ว่าเว็บไซต์ของเราจะขึ้นไปอยู่บนอันดับแรก ๆ ได้จริง แต่ข้างหน้าข้อความจะปรากฏคำว่า “Ad” เพื่อให้ผู้ใช้งานทราบว่าเป็นโฆษณา ส่วนโฆษณาของเว็บไซต์ไหนจะอยู่ลำดับใดนั้นขึ้นอยู่กับราคาที่แต่ละเว็บไซต์จ่าย ใครจ่ายมากกว่าก็ได้อยู่อันดับสูงกว่า โดยเบื้องต้น การคิดค่าใช้จ่ายจะนับจากจำนวนครั้งที่มีคนคลิกโฆษณา นั่นหมายความว่าต่อให้มีผู้ใช้งานเซิร์ชคีย์เวิร์ดแล้วเจอเว็บไซต์เรา แต่ถ้าไม่มีการคลิกก็จะไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
การทำโฆษณาแบบ PPC นี้เป็นที่นิยมในหมู่เว็บไซต์ทั่วโลก ไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าแค่จ่ายเงินแล้วก็จบ เพราะปัจจุบัน นอกจากเทคโนโลยีจะมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานยุคใหม่แล้ว พฤติกรรมผู้บริโภคยังเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ อีกด้วย ดังนั้น นักการตลาดจึงจำเป็นต้องติดตามเทร็นด์ PPC ให้ทัน เพื่อให้การทำโฆษณาของเรามีประสิทธิภาพมากที่สุด
เทร็นด์ PPC สำหรับปี 2023 มีอะไรบ้าง
AI เข้ามามีบทบาทด้านการตลาดมากขึ้น
แม้เรื่องบทบาทของ AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลา 2-3 ปีแล้ว แต่ก็อย่างที่เราเห็นว่าหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้มีการพัฒนาขึ้นทุกวัน อะไรที่วันนี้ยังทำไม่ได้ พรุ่งนี้ก็อาจจะทำได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว ซึ่ง AI ถือเป็นหนึ่งในเทร็นด์ PPC ที่เราต้องจับตามอง เพราะมีข้อได้เปรียบหลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของคีย์เวิร์ด ช่วยวิเคราะห์คุณภาพของโฆษณา ช่วยเขียนคอนเทนต์ที่มีประโยชน์สำหรับผู้อ่าน และเป็นธรรมชาติจนอัลกอริทึมดูไม่ออกว่าหุ่นยนต์เขียน เป็นต้น
นอกจากนี้ AI ยังมีแนวโน้มว่าจะได้เปรียบอีกหลายอย่างในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น สิ่งที่เราต้องทำจึงเป็นการหาทางอยู่ร่วมกับปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รู้จักใช้ความชาญฉลาดของ AI ให้เป็นประโยชน์ เช่น ลองให้ AI ช่วยเสนอราคา PPC อัตโนมัติ ถามข้อมูลหรือให้ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนให้ช่วยแนะนำคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมก็ได้เช่นกัน เมื่อเรารู้แนวทางการใช้สิ่งเหล่านี้ควบคู่ไปกับการทำงานแล้ว ก็หมดกังวลเรื่องล้าหลังคู่แข่งไปได้เลย
คนเริ่มนิยมใช้ Voice Search มากขึ้น
เรื่องของ Voice Search ก็เป็นที่พูดถึงมาสักพักแล้วเช่นกัน แต่จากรายงานการสำรวจออนไลน์ระบุว่าอุตสาหกรรม Smart Speaker จะมีมูลค่ามากถึง 6.5 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลจาก SerpWatch ในอเมริกายังเผยว่า ภายในปี 2025 สามในสี่ครัวเรือนของชาวอเมริกันจะเป็นเจ้าของ Smart Speaker กันทั้งหมด นั่นหมายความว่าจำนวนผู้ใช้งาน Voice Search กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างมีนัยสำคัญ นักการตลาดจึงต้องให้ความสำคัญกับ Voice Search ในแง่ของเทร็นด์ PPC ให้มากขึ้น โดยสามารถใช้หลักการคล้าย ๆ กับการทำ Voice Search เพื่อ SEO ได้เลย
อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ รู้จักเทรนด์การตลาดยุคใหม่ GOOGLE VOICE SEARCH คืออะไร
ใช้เทคนิค Marketing Automation
แม้เราจะทำ PPC เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่อันดับแรก ๆ บนหน้าผลการค้นหาได้แล้ว แต่ก็อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจว่าถึงอย่างไรลูกค้าก็เห็นเราแน่นอน เพราะถึงลูกค้าจะเห็น แต่ถ้าไม่คลิกเข้ามาก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้น เราจึงต้องมีการทำ Marketing Automation หรือการตลาดอัตโนมัติควบคู่ไปด้วย กล่าวคือ ใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์พฤติกรรมและทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า เพื่อจัดการและส่งมอบสิ่งที่ใช่ แก่คนที่ใช่ ผ่านช่องทางที่เหมาะสม โดยข้อมูลจาก VentureBeat ระบุว่า ธุรกิจที่มีการทำ Marketing Automation มีจำนวนผู้เข้าชม (Leads) มากขึ้นถึง 80% และมีอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นลูกค้า (Conversion) ได้มากถึง 77% ทีเดียว
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Marketing Automation ได้ที่บทความ รู้จักการตลาด AUTOMATION เครื่องมือที่ห้ามพลาดถ้าอยากรุ่ง !
ใช้ First Party Data เป็นหลัก
ในยุคดิจิทัลที่โลกของเราเต็มไปด้วยข้อมูล การตลาดจึงค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนมาอยู่ในลักษณะของ Data-Driven โดยปริยาย กล่าวคือ มีการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของลูกค้าเพื่อนำมาวางแผนการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่การเก็บข้อมูลก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ทั้งเก็บเอง ทั้งการซื้อ-ขายระหว่างบริษัท และทั้งการพึ่งพาบริษัทคนกลาง แต่ในปี 2023 นี้ แนะนำว่าให้เน้นเก็บข้อมูลเองหรือใช้ First Data Party เป็นหลัก เพราะ Google ประกาศว่าจะยกเลิกการใช้ Third Party Cookies ที่ติดตามข้อมูลผู้ใช้งานนอกเว็บไซต์ทั้งหมด นอกจากนี้ การใช้ First Data Party ยังเป็นการลดการพึ่งพาข้อมูลจากองค์กรภายนอก และเป็นโอกาสให้เราได้หันมาให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว (Privacy) ของลูกค้ามากขึ้นตามหลัก PDPA อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเทร็นด์ PPC ที่เราไม่ควรมองข้าม
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ First Party Data ได้ที่บทความ FIRST PARTY DATA คืออะไร เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงหรือ
ใช้โซเชียลมีเดียทำ PPC
นอกจาก Search Engine ชื่อดังอย่าง Google แล้ว เรายังสามารถทำ PPC บนโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย หรือก็คือการยิงโฆษณาที่นักการตลาดหลายคนคุ้นเคยกันดีนั่นเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคนี้ โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok หรือแม้แต่ Twitter ที่เพิ่งเปลี่ยนชื่อเป็น X เมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้แพลตฟอร์มเหล่านี้กลายเป็นทำเลทองที่เหมาะสำหรับการโปรโมตแบรนด์เป็นอย่างมาก
สำหรับปี 2023 โซเชียลมีเดียที่คาดว่าจะมาแรงที่สุดคือ TikTok ด้วยจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2019 และมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ การทำ PPC บน TikTok จึงมีโอกาสที่จะช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และเพิ่มยอดขายได้ แต่ถ้าใครชอบแบบคลาสสิก Facebook ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่มีจำนวนผู้ใช้งานยืนหนึ่งตลอดกาล ไม่มีใครโค่นได้ แล้วยังสามารถใช้ทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอมาอีกด้วย
สร้างสรรค์โฆษณาประเภทวิดีโอให้เยอะขึ้น
อีกหนึ่งเทร็นด์ PPC ที่พลาดไม่ได้ คือ โฆษณาประเภทวิดีโอ (Video Ads) เมื่อก่อนเราอาจจะมองว่าทำให้ง่าย ๆ ไว้ก่อน ผู้ใช้งานที่ผ่านไปผ่านมาจะได้มองเห็นทันที แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เทร็นด์การตลาดก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดยในปีนี้ พบว่าโฆษณาประเภทวิดีโอนั้นมีอิทธิพลต่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เพราะสอดคล้องกับรสนิยมการเสพคอนเทนต์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบอะไรย่อยง่าย ๆ มากกว่าการอ่านตัวหนังสือเยอะ ๆ ยิ่งหากเราสามารถสร้างสรรค์ออกมาได้น่าสนใจ ยิ่งมีโอกาสเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียสูง อันจะนำมาซึ่งชื่อเสียงและการพูดถึงแบรนด์ที่มากขึ้น
สรุป
แม้ว่าเทร็นด์ PPC ในปี 2023 จะไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก โดยส่วนมากก็เป็นเรื่องที่พูดถึงกันในแวดวงการตลาดมานานแล้ว แต่บางเรื่องก็เพิ่งมาบูมมาก ๆ ในปีนี้ ทำให้เราต้องหันมาโฟกัสให้ถูกจุดเพื่อการทำ PPC ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกอยากคลิกโฆษณาของเรา สนใจสินค้าหรือบริการ และนำไปสู่การตัดสินใจซื้อในที่สุด
ไม่แน่ใจเรื่องการทำ SEO หรือ PPC ใช่ไหม หากคุณกำลังมองหาความช่วยเหลือในการทำธุรกิจ Primal Digital Agency เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการตลาดแบบครบวงจร เรามีผู้เชี่ยวชาญกว่า 150 คนที่พร้อมช่วยดันเว็บไซต์ธุรกิจของคุณให้ขึ้นไปอยู่อันดับแรกบนหน้าผลการค้นหา ให้คุณได้โดดเด่นเหนือคู่แข่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment