SEO และ PPC
คือกลยุทธ์ที่ใช้ได้ระยะยาว
- การทำ SEO ให้ผลดีกับแบรนด์ได้ในระยะยาว และสามารถทำเป็นแคมเปญต่อเนื่องไปควบคู่กับการทำโฆษณา PPC ได้เลย
- โดยปกติอันดับ Ranking จากการทำ SEO จะเกิดขึ้นเมื่อผ่านไปแล้ว 8 เดือนหรือมากกว่านั้น
- การทำโฆษณา PPC สามารถให้ผลลัพธ์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่ ROI อาจจำกัดอยู่ที่ช่วงหนึ่ง
- คุณสามารถใช้ทั้งการทำ SEO และโฆษณา PPC เป็นกลยุทธ์แบบระยะยาวได้ และถ้า POI หรือโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมีแนวโน้มที่ดี ก็สามารถใช้ทำแคมเปญแบบต่อเนื่องได้เลย
การทำ Pay-per-Click หรือเรามักเรียกสั้นๆ ว่า PPC นั้นเป็นการทำโฆษณารูปแบบหนึ่ง โดยหากคุณเป็นคนลงโฆษณานั้น (Advertiser) จะถูกคิดเงินก็ต่อเมื่อมีคนมาคลิกที่โฆษณาของคุณ (ต่อ 1 ครั้ง) ซึ่งไม่ว่าเขาจะซื้อสินค้าตามที่คุณลงโฆษณาหรือไม่ หากมีการคลิกเกิดขึ้นเมื่อไรคุณก็ต้องจ่ายเงินเมื่อนั้น จะจ่ายให้ใครก็ขึ้นอยู่กับเครือข่ายที่คุณเลือก เช่น Search Engine อย่าง Google หรือ Yahoo! Bing หรือจะเป็นโซเชียลอย่าง Facebook หรือ Instagram เป็นต้น ซึ่งการทำโฆษณาแบบ Pay-per-Click นั้นเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากสามารถสร้าง ROI (อัตราส่วนของกำไรสุทธิกับค่าใช้จ่ายที่ใช้ไป) ได้อย่างน่าพอใจ เพราะโฆษณาของคุณจะแสดงให้เฉพาะคนที่เสิร์ชหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ เห็นเท่านั้น นั่นก็แปลว่าเขาสนใจในแบรนด์หรือสินค้าประเภทนั้นอยู่แล้ว จึงทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะซื้อหรือกดเข้าไปดูเว็บไซต์ของคุณ
ด้วยเหตุผลนี้เอง การทำการตลาด PPC หรือการใช้โฆษณา Pay-per-Click มาเป็นหนึ่งในกลยุทธ์นั้นจึงเป็นที่นิยมอย่างมาก และที่สำคัญกว่านั้นยังติดตามความคืบหน้า วัดผล และนำมาวิเคราะห์ได้ง่าย เพราะมีเครื่องมืออย่าง Google Ads และ Google Analytics เป็นตัวช่วย เมื่อเปิดใช้เครื่องมือนี้ คุณจะเห็นชัดเจนเลยว่าโฆษณาของคุณทำผลงานได้ดีแค่ไหน โดยดูจากตัวเลข Impressions (จำนวนครั้งที่โฆษณาแสดง), Clicks (จำนวนคลิก) และ Conversions (จำนวนครั้งที่เกิดการซื้อสินค้า) ง่ายๆ ก็คือคุณลงเงินไปเท่านี้ และได้ประโยชน์หรือกำไรกลับมาเท่าไรนั่นเอง ซึ่งหากเทียบกับกลยุทธ์การทำการตลาดแบบอื่นๆ การทำโฆษณาแบบ Pay-per-Click ถือว่า Set up ได้ง่าย และใช้เวลาน้อยกว่า จึงเหมาะมากๆ กับธุรกิจทุกระดับ แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กที่อาจมีงบทำโฆษณาไม่สูงมาก เพราะคุณสามารถตั้งงบเท่าที่คุณพอใจไว้ได้ตั้งแต่ต้น แถมยังสามารถหยุดการแสดงโฆษณาตอนไหนก็ได้ คุณควบคุมเองได้หมด
การโฆษณาแบบ PPC เป็นวิธีที่ช่วยเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณและช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยใช้กลยุทธ์นี้ก็อาจไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นที่ตรงไหนก่อน และจะเลือกทำโฆษณาบนช่องทางไหนดี ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวเราจะอธิบายให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าแต่ละช่องทางนั้นแตกต่างกันยังไง คุณจะได้เลือกช่องทางที่เหมาะกับสินค้าและงบทำโฆษณาของคุณมากที่สุด
แน่นอนว่า Google Adwords เป็นช่องทางบริการทำโฆษณา PPC ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องมาจาก Google ที่เป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง ดังนั้นเมื่อคุณเลือกที่จะลงโฆษณาบนช่องทางต่างๆ ของ Google ก็จะทำให้คุณเข้าถึงกลุ่มลูกค้าจำนวนมหาศาลได้ แต่เมื่อได้ประโยชน์เยอะ แบรนด์ไหนๆ ก็อยากลงโฆษณาบนช่องทางนี้เช่นเดียวกัน คุณจึงอาจต้องใช้งบโฆษณาเยอะขึ้นเพื่อแข่งขันกับแบรนด์เหล่านั้นที่ใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาสินค้าใกล้เคียงกับคุณ ในขณะเดียวกัน หากเทียบกับช่องทางโซเชียลอย่าง Facebook คุณจะสามารถเจาะจงคุณสมบัติของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้แคบและเฉพาะเจาะจงมากกว่าบน Google แต่โดยรวมแล้วก็มีข้อดีและข้อเสียที่ใกล้เคียงกันในหลายๆ จุด และเมื่อพูดถึง Google ไปแล้ว จะไม่พูดถึงอีก 2 เจ้าอย่าง Yahoo! และ Bing คงไม่ได้ ซึ่ง 2 แพลตฟอร์มนี้ได้ร่วมมือกันทำช่องทางที่ชื่อว่า Yahoo! Bing ซึ่งช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการของทั้ง 2 เจ้านี้ได้ในที่เดียว ซึ่งถึงจะมีจำนวนผู้ใช้ไม่มากเท่ากับบน Google แต่ก็มีข้อดีตรงที่ใช้งบทำโฆษณาน้อยกว่า ดังนั้นถ้าถามว่าเลือกช่องทางไหนถึงจะดีที่สุด? คำตอบคือต้องเลือกช่องทางที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณที่สุด คุณอาจลองทดสอบโดยการลงโฆษณาในแต่ละแพลตฟอร์มเพื่อเปรียบเทียบว่าช่องทางไหนดีที่สุด แล้วค่อยปรับเพิ่ม-ลดงบไปตามผลลัพธ์ที่ได้ หรือหยุดโฆษณาไปเลยหากแพลตฟอร์มไหนทำผลลัพธ์ได้ไม่ดี
คุณควรเริ่มต้นทำการทำ Pay-per-Click ตั้งแต่วันนี้ แต่หากอยากได้ผลลัพธ์ที่เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพกว่าเดิม การเลือกใช้เอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ก็จะสามารถตอบโจทย์ได้ดี และช่วยประหยัดเวลาได้มาก เนื่องจากคุณไม่ต้องคอยติดตามผลลัพธ์ของโฆษณา ตั้งค่า หรือปรับเปลี่ยนงบด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้คุณสามารถใช้เวลาไปกับการดูแลส่วนอื่นๆ ของธุรกิจคุณ และยังสามารถทราบความเคลื่อนไหวจากรายงานของเอเจนซี่ได้ตลอด รวมถึงจะได้รับคำแนะนำจาก Expert ตัวจริง เพื่อให้ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นได้ดังใจ
Primal เป็นเอเจนซี่ชั้นนำของไทยที่เชี่ยวชาญในบริการทำโฆษณา PPC โดยมีทีมงานของเราจะวางกลยุทธ์เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ รวมไปถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ให้เห็นและสนใจในสินค้าของคุณ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้เรายังเป็น Google Premier Partner ซึ่งถือเป็นระดับพาร์ทเนอร์สูงสุดกับ Google ซึ่งแปลว่าเทคนิคการโฆษณาแบบ PPC ของเราตรงตามเกณฑ์ของ Google นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโฆษณาที่เราทำถึงให้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่เสมอ เมื่อเลือก Primal แล้ว คุณสามารถวางใจได้เลยว่าทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราจะสามารถให้คำแนะนำ วางแผน และทำโฆษณาที่ตอบความต้องการของคุณได้
ผู้เชี่ยวชาญ
แบรนด์พาร์ตเนอร์
สาขาในเอเชีย
Pay-per-Click
Pay-per-Click คือ รูปแบบการทำโฆษณาอย่างหนึ่งที่เมื่อไรลูกค้าคลิกที่โฆษณา แบรนด์ในฐานะผู้ลงโฆษณาก็จะต้องเสียเงิน (1 ครั้ง / 1 คลิก)
เริ่มต้นจากการสร้างโฆษณาขึ้นมา และพิจารณาว่าจะให้โฆษณาปรากฏที่ช่องทางไหนบ้าง คีย์เวิร์ดไหนที่คุณควรจะซื้อ แล้วจึงกำหนดงบโฆษณา ครบหมดแล้วก็สามารถเริ่มให้โฆษณาแสดงได้เลย
เริ่มแรกเลยคือต้องสร้างแคมเปญบนบัญชี Google Ads ของคุณก่อน จากนั้นเลือกประเภทแคมเปญ และทำตามสเต็ปที่โปรแกรมแนะนำจนครบ เท่านี้ก็ให้โฆษณาเริ่มแสดงได้
การทำ PPC Marketing คือการทำการตลาดด้วยโฆษณาประเภทหนึ่งที่ทำงานแบบตรงไปตรงมา คือ ผู้ลงโฆษณาจะเสียเงินก็ต่อเมื่อมีลูกค้ามาคลิกที่โฆษณานั้นๆ