Viral Marketing คืออะไร กลยุทธ์ทำการตลาดให้แบรนด์เป็นกระแส
ปัจจุบัน ไม่ว่าจะโปรโมตแบรนด์รูปแบบไหนก็ต้องอาศัยการทำคอนเทนต์การตลาด (Content Marketing) ส่งผลให้บนโลกออนไลน์เต็มไปด้วยโพสต์สร้างสรรค์มากมายจนเลือกแชร์ไม่ถูก อันโน้นก็ดี อันนี้ก็ถูกใจ แต่บางอันก็ไม่ได้ดึงดูดสายตา จึงทำแค่เลื่อนผ่านไปเฉย ๆ ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้แต่ละแบรนด์ต้องแข่งขันกันอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะได้รับความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
แต่ในเมื่อบนโซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยคอนเทนต์คล้าย ๆ กัน ผู้บริโภคก็อาจจะรู้สึกเบื่อได้ ยิ่งหากเราทำช้ากว่าแบรนด์อื่น ๆ ไปเพียงก้าวเดียว ก็จะดูเหมือนเราไปก๊อบปี้เขามาทันที แล้วแบบนี้ จะทำอย่างไรให้คอนเทนต์ของเราได้รับความสนใจท่ามกลางคู่แข่งจำนวนมากในตลาด
บทความนี้จะพาไปรู้จักกลยุทธ์ “Viral Marketing” เทคนิคทำการตลาดแบบไวรัลที่ใช้โซเชียลมีเดียในการสร้างกระแสให้แบรนด์ ซึ่งกลยุทธ์นี้ถูกเปรียบว่าเหมือนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในรูปแบบของข้อมูลข่าวสารเลยทีเดียว รับรองว่าแมสแน่นอน !
Table of Contents
Viral Marketing คืออะไร
Viral Marketing คือ การใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, TikTok, Twitter ในการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับแบรนด์ ด้วยการบอกต่อในหมู่ผู้บริโภค มีลักษณะคล้ายกับการตลาดแบบปากต่อปาก (Word of Mouth) แต่การตลาดแบบไวรัลจะเป็นการส่งข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแบรนด์ถึงกลุ่มคนจำนวนมากกว่า กว้างกว่า และเน้นการทำให้เป็นกระแสเพื่อให้ผู้คนรู้สึกอยากมีส่วนร่วม อันจะก่อให้เกิดการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ตามมา ซึ่งหากสารที่เราส่งไปนั้นถูกจริต หรือสามารถทำให้ผู้บริโภคบอกต่อ แชร์ หรือทำการลอกเลียนแบบและทำซ้ำจนกลายเป็นเทร็นด์ที่ได้รับความนิยมได้ แบรนด์ของเราก็จะกลายเป็นไวรัลขึ้นมาทันที
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2014 มีแคมเปญดังชื่อ “The Ice Bucket Challenge” ที่ท้าให้ผู้คนใช้ถังน้ำแข็งราดตัวเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แล้วถ่ายคลิปลงโซเชียลมีเดีย โดยติดแฮชแทก #IceBucketChallenge และท้าเพื่อนคนต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ หากใครไม่ทำตาม ต้องบริจาคเงิน 100 ดอลลาร์ (ราว 3,000 บาท) เข้าสมาคม ALS ซึ่งแคมเปญนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลไปทั่วโลกจนเป็นหนึ่งใน Talk of the Town ของช่วงนั้นทีเดียว เพราะแม้แต่บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง Mark Zuckerberg, Bill Gates และ Tim Cook ก็ยังเข้าร่วมแชลเลนจ์นี้ด้วย
นอกจากการทำแชลเลนจ์แล้ว Viral Marketing ยังสามารถทำแบบอื่นได้อีก ทั้งข้อความ รูปภาพ อินโฟกราฟิก วิดีโอ อีบุ๊ก เกม หรือแม้แต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น Coca-Cola ที่ประสบความสำเร็จในการทำ Viral Marketing โดยการเลือกชื่อยอดฮิตจำนวน 150 ชื่อมาพิมพ์บนฉลากขวด ส่งผลให้ผู้บริโภคที่มีชื่อตรงกับบนขวดซื้อสินค้ามาถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียกันจนเป็นกระแสดัง แต่รูปแบบ Viral Marketing ที่เราเห็นกันอย่างแพร่หลายในหมู่แบรนด์ไทยก็คงจะเป็นแบบรูปภาพและวิดีโอที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ ด้วยการหยิบเอาความรู้สึกและประสบการณ์จริงของคนในสังคมมาสร้างคอนเทนต์ แต่ทั้งนี้ แม้การตลาดแบบไวรัลจะสามารถทำได้หลายรูปแบบ แต่จะเลือกทำแบบใดหรือช่องทางใดนั้น ก็ต้องดูที่กลุ่มเป้าหมายของตนเองเป็นหลักด้วย
ข้อดีและข้อจำกัดของ Viral Marketing คืออะไร
ข้อดีของ Viral Marketing
- ค่าใช้จ่ายไม่มาก สามารถประหยัดงบไปลงทุนที่ส่วนอื่น ๆ ได้
- ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว และเกิดความรู้สึกอยากบอกต่อให้ผู้อื่นรับรู้ด้วย
- สร้างกระแสบนอินเทอร์เน็ตได้ง่าย
- มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
- ทำให้เกิด User-Generated Content (UGC) ซึ่งสามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าแบรนด์โฆษณาเอง
- ไม่มีรูปแบบตายตัว ขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ของทางแบรนด์
ข้อจำกัดของ Viral Marketing
- พลาดได้ง่าย หากไม่ระมัดระวังในการนำเอาประเด็นต่าง ๆ มาสร้างสรรค์แคมเปญ เพราะบางประเด็นที่กำลังเป็นกระแสสังคมก็เป็นเรื่องที่อ่อนไหว ไม่ควรนำมาปรับใช้ให้เกิดผลลบกับแบรนด์
- การตลาดแบบไวรัลเป็นกระแสที่มาไวไปไว เพราะบนโลกออนไลน์มีประเด็นใหม่ ๆ ให้ติดตามตลอดเวลา เป็นไปไม่ได้ที่แคมเปญของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งจะคงอยู่ตลอดไป
เทคนิคการทำ Viral Marketing ให้ประสบความสำเร็จ
ยิ่งโซเชียลมีเดียได้รับความนิยมมากเท่าไร แบรนด์ต่าง ๆ ก็เริ่มหันมาใช้เทคนิคการทำการตลาดแบบ Viral Marketing กันมากขึ้นเท่านั้น เพราะสมัยนี้ ใครได้เป็นกระแสบนอินเทอร์เน็ตก่อนถือว่าได้เปรียบคู่แข่งมาก ๆ แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้กลยุทธ์ Viral Marketing ประสบความสำเร็จได้ คือการทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อถือในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกไปก่อน เมื่อพวกเขาเข้าใจแล้วว่าจุดประสงค์ของแบรนด์เราคืออะไร ก็จะเกิดความรู้สึกอยากแชร์ต่อ อยากตามกระแส จนแคมเปญของแบรนด์ถูกแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง
มาดูกันเลยว่าเทคนิคการทำการตลาดแบบไวรัลให้โดนใจผู้บริโภคมีอะไรบ้าง
สร้างสตอรีให้น่าสนใจ
ก่อนจะเริ่มแคมเปญอะไรสักอย่างหนึ่ง สิ่งที่จะทำให้คอนเทนต์ของเราน่าสนใจก็คือ การมีสตอรี โดยเราจะต้องถามตัวเองก่อนว่าเราต้องการสื่ออะไรออกไปให้ผู้บริโภคได้รับรู้ แล้วนำแนวคิดนั้นมาสร้างสรรค์ต่อยอดให้เป็นเรื่องราวที่กินใจผู้ชม ซึ่งอาจมีการใส่อารมณ์และความรู้สึกลงไปด้วยเพื่อให้ผู้พบเห็นรู้สึก “อิน” ไปกับแคมเปญของเรา จนเกิดการแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก เช่น ไทยประกันชีวิต ที่ทำโฆษณาซึ้ง ๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมนุษย์ออกมาให้เป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ
เอาใจกลุ่มเป้าหมายของตนเอง
ไม่ใช่ว่าอยากจะทำคอนเทนต์ให้ถูกใจคนทั้งโลก เพราะนั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ให้โฟกัสที่กลุ่มเป้าหมายของตนเองก็พอ โดยวิเคราะห์ว่าพวกเขาต้องการอะไร ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร มีความสนใจและพฤติกรรมทางการตลาดอย่างไรบ้าง แล้วนำข้อมูลดังกล่าวมาวางแผนต่อว่าควรจะทำคอนเทนต์ออกมาในรูปแบบใดจึงจะทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นชอบใจและรู้สึกอยากแชร์ต่อมากที่สุด
ใช้ภาพหรือวิดีโอบอกเล่าเนื้อหาให้น่าสนใจ
ดังที่ได้กล่าวไปว่า การตลาดที่เป็นไวรัลในไทยส่วนใหญ่มักเป็นรูปภาพหรือวิดีโอ หรือพูดง่าย ๆ ก็คือสื่อวิชวลที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา ไม่ต้องอ่านก็เข้าใจได้ง่าย โดยภาพหรือวิดีโอที่ทำออกมาควรมีความน่าสนใจ สวยงาม ดึงดูดผู้ชมที่ผ่านไปผ่านมาได้ และที่สำคัญ อย่าลืมใส่ข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ที่เราต้องการบอกต่อให้ครบถ้วน ตลอดจนใส่อารมณ์และความรู้สึกลงไปในสื่อนั้น ๆ เช่น ความสุข ความซึ้ง ความตลก ความหวัง เป็นต้น
ไม่ยัดเยียดสินค้าหรือบริการจนเกินไป
อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญของการตลาดแบบ Viral Marketing คือ การไม่ทำให้ดูเหมือนขายของจนเกินไป เพราะเมื่อผู้บริโภคผ่านมาเห็นแล้วรู้สึกว่าคลิปนี้ หรือโพสต์นี้เอาแต่ขายของ ยัดเยียดสินค้าและบริการของตนเองอย่างเดียว ก็จะทำให้ความน่าสนใจของคอนเทนต์เราลดลงทันที และผู้ชมก็อาจเลื่อนผ่านไปเฉย ๆ ได้ ดังนั้น จึงควรวางสตอรีไลน์ดี ๆ และซ่อนการโปรโมตแบรนด์ไว้ให้ได้อย่างแนบเนียน โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดใด ๆ ที่สื่อไปถึงการยัดเยียดขายสินค้าเลย
ทำให้ถูกที่ ถูกเวลา
ถ้าสังเกตการตลาดของแบรนด์ต่างประเทศจะเห็นว่า พวกแคมเเปญที่เป็นไวรัล โดนใจผู้ชม มักจะออกมาในช่วงเทศกาลวันหยุด เช่น คริสต์มาส หรือการแข่งขันกีฬาที่มีการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ เช่น การแข่งขันโอลิมปิก การแข่งขันฟุตบอล เป็นต้น ในขณะที่ประเทศไทยเรา แคมเปญการตลาดที่เป็นไวรัลนั้นมักเป็นแคมเปญที่หยิบยกเอาเทร็นด์ในช่วงเวลานั้น ๆ มาทำคอนเทนต์ เพราะคนไทยอินกับกระแสต่าง ๆ ได้ง่าย เมื่อเห็นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กำลังถูกพูดถึงในสังคม ก็รู้สึกอยากแชร์ต่อให้เพื่อน ๆ บนโลกออนไลน์ได้เห็น ดังนั้น เมื่อสังคมกำลังมีประเด็นอะไรที่น่าสนใจ ก็ให้รีบนำมาปรับใช้กับแบรนด์ของตนเองทันที ย้ำว่าทันที เพราะหากช้าไป เทร็นด์นั้น ๆ ก็อาจจะหายไปแล้ว คนก็เลิกให้ความสนใจแล้วไปสนใจประเด็นอื่นแทน และที่สำคัญ ต้องระมัดระวังไม่นำประเด็นอ่อนไหวมาเล่นด้วย
สรุป
เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยเห็นแบรนด์ต่าง ๆ ใช้กลยุทธ์ Viral Marketing ผ่านตากันมาบ้างแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคนิคนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนทำธุรกิจ เพราะสามารถแพร่กระจายข่าวสารได้อย่างรวดเร็วโดยที่แบรนด์ไม่ต้องลงทุนลงแรงทำอะไรมาก แค่สร้างสรรค์แคมเปญออกมาครั้งเดียวแล้วให้ผู้บริโภคแชร์ต่อกันเอง ซึ่งในส่วนนี้เองที่จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือแก่แบรนด์มากกว่าการทำโฆษณารูปแบบอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม Viral Marketing ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่หากเราเผลอนำประเด็นที่ไม่เหมาะสมมาทำคอนเทนต์ ก็อาจทำให้กระแสเป็นไปในทางลบ และเกิดผลเสียต่อแบรนด์ในระยะยาวได้ ฉะนั้น จึงควรมีความระมัดระวังเสมอในการหยิบยกประเด็นที่เป็นกระแสมาใช้กับแบรนด์ ตลอดจนใช้ทักษะในการสื่อสารที่ดี เพื่อให้แบรนด์ดูเป็นมืออาชีพในสายตาของผู้บริโภค
คิดคอนเทนต์ทำการตลาดไม่ออกใช่ไหม Primal Digital Agency ยินดีให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกรายให้สามารถโปรโมตแบรนด์ได้อย่างสร้างสรรค์ เราเป็นเอเจนซีชั้นนำของไทยที่มีผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ และพร้อมมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแก่ธุรกิจคุณ ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment