Sale Page คืออะไร ช่วยให้ปิดการขายได้เร็วขึ้นจริงหรือ

ในการทำธุรกิจออนไลน์ แน่นอนว่าอย่างแรกที่เราต้องมีก็คือ “เว็บไซต์” เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าสามารถเจอเราได้ผ่านการค้นหาบน Search Engine แต่ในเว็บไซต์ก็มีองค์ประกอบมากมายที่เราต้องปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพ สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานเว็บไซต์ หรือ UX/UI ที่ดีแก่ผู้ใช้งานได้ โดยสิ่งสำคัญคือการเน้นความสะดวก รวดเร็ว และใช้งานง่าย เพราะปัจจุบัน ทุกธุรกิจต่างก็แข่งขันกันบนโลกออนไลน์ หากลูกค้ารู้สึกไม่พึงพอใจเว็บไซต์ของเราแม้เพียงนิดเดียว ก็อาจจะออกไปใช้งานเว็บไซต์ของคู่แข่งแทนได้ อีกทั้งผู้บริโภคที่ชอบชอปปิงออนไลน์ก็ล้วนแล้วแต่ต้องการความสะดวกสบาย ถ้าเราทำให้เว็บไซต์ใช้งานยาก มีหลายขั้นตอน ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่ที่ชอบความรวดเร็วเท่าไรนัก

ดังนั้น สำหรับธุรกิจที่มีสินค้าให้เลือกซื้อบนหน้าเว็บฯ ก็ควรจะต้องทำให้ทุกอย่างง่ายที่สุดเพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขายให้เร็วขึ้น โดยบทความนี้จะมาพูดถึง Sale Page ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์แล้ว ยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้ธุรกิจได้กำไรมากขึ้นอีกด้วย !

ไปดูกันเลยว่า Sale Page คืออะไร

Sale Page เจ้าไหนดี

Sale Page คืออะไร

Sale Page คือ หน้าเพจหนึ่งบนเว็บไซต์ที่มีจุดประสงค์เพื่อการขายโดยเฉพาะ โดยจะแสดงรายละเอียดของสินค้า เช่น รูปภาพ ราคา คุณสมบัติ วิธีใช้ ส่วนลด โปรโมชันต่าง ๆ ตลอดจนรีวิวเชิงบวกจากผู้ที่เคยอุดหนุน เพื่อให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น จุดเด่นของ Sale Page คือการทำให้ปิดการขายได้ในหน้าเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการซื้อสินค้า ไม่ต้องเปิดหน้าเว็บฯ หลาย ๆ รอบหรือมากกระบวนการซึ่งทำให้ล่าช้า ฉะนั้น ปุ่มที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการทำ Sale Page ก็คือ “ปุ่มสั่งซื้อ” และช่องทางการติดต่อร้าน ซึ่งอาจเป็นเบอร์โทร หรือปุ่มที่สามารถลิงก์ไปยัง LINE Official หรือ Facebook Page เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาสอบถามเพิ่มเติมก็ได้

Sale Page ถือเป็นหน้าเพจที่เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท เพราะสามารถบอกรายละเอียดของสินค้าได้อย่างครบถ้วนภายในหน้าเดียว แต่แนะนำว่าควรทำให้มีความสวยงาม น่าใช้งาน เข้าธีมกับหน้าอื่น ๆ บนเว็บไซต์ และที่สำคัญ ต้องทำให้เป็นมิตรกับอุปกรณ์มือถือ (Mobile-Friendly) ด้วย เพราะสมัยนี้ ผู้บริโภคส่วนมากนิยมใช้โทรศัพท์มือถือในการชอปปิงออนไลน์กันทั้งนั้น หากหน้าเว็บฯ ของเราไม่รองรับอุปกรณ์ดังกล่าว เวลาลูกค้าเข้ามาแล้วจอภาพแสดงผลแปลก ๆ ก็อาจทำให้รู้สึกว่าเว็บไซต์ของเราไม่น่าใช้งาน แล้วกดออกไปซื้อสินค้าในเว็บไซต์ของคู่แข่งเราที่มีหน้าเว็บฯ สวยงามกว่าแทนได้

 

ข้อดีของ Sale Page คืออะไร

ช่วยสร้างโอกาสในการขายของออนไลน์

เนื่องจาก Sale Page เป็นเว็บไซต์หน้าเดียว ไม่ซับซ้อน และเราสามารถใส่รายละเอียดของสินค้าทั้งหมด พร้อมโปรโมชันต่าง ๆ และปิดท้ายด้วยปุ่มสั่งซื้อ ทำให้ลูกค้าสามารถอ่านและตัดสินใจซื้อได้เลยทันที ไม่ต้องเปิดไปหน้านู้นหน้านี้ให้ยุ่งยาก ยิ่งเราทำให้ขั้นตอนการซื้อง่ายมากเท่าไร โอกาสที่ลูกค้าจะซื้อก็มีมากเท่านั้น เพราะกระบวนการซื้อที่สั้น กระชับ จะทำให้ผู้บริโภคเกิด “อารมณ์ชั่ววูบ” ได้มากกว่า กล่าวคือ ลูกค้าเสียเวลากดเพียงไม่กี่คลิก รู้ตัวอีกทีก็จ่ายเงินไปแล้ว

ช่วยโปรโมตสินค้าให้ดูน่าซื้อ

เคยไหม อยากจะซื้ออะไรสักอย่างแล้วพิมพ์ค้นหาใน Google แต่พอกดเข้าไปในเว็บไซต์กลับพบว่ารูปร่างหน้าตาแปลก ๆ พื้นหลังมืด ๆ ดูเป็นเว็บฯ เก่า ๆ แม้จะมีสินค้าเยอะ ทว่าก็ยังไม่มั่นใจพอที่จะซื้ออยู่ดี ในทางกลับกัน หากเป็นเว็บไซต์ที่บอกชัดเจนว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอะไร ขายอะไร รวมถึงมีช่องทางการติดต่อหรือสถานที่ตั้งจริงเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า สินค้าภายในเว็บไซต์ก็จะดูน่าซื้อมากขึ้น ยิ่งถ้าหากตกแต่งหน้า Sale Page ให้ดูสวยงาม ธุรกิจก็จะยิ่งดูมีความเป็นมืออาชีพ อันจะช่วยให้การโปรโมตแบรนด์มีประสิทธิภาพกว่าเดิม

ช่วยเพิ่มอันดับ SEO

ข้อนี้สำคัญมาก เพราะไม่ว่าเว็บไซต์ไหน ๆ ก็อยากจะเพิ่มอันดับบนหน้าผลการค้นหากันทั้งนั้น และหน้า Sale Page ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO โดยหลักการก็เหมือนกับ SEO On-Site ทั่วไป คือ สร้างเนื้อหาที่มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราอยู่บนหน้านั้น ๆ เพื่อที่เวลาผู้ใช้งานค้นหาด้วยคำดังกล่าว จะได้เจอเว็บไซต์หรือ Sale Page ของเราเป็นอันดับแรก ๆ

Sale Page ควรมีอะไรบ้าง

Sale Page ควรมีอะไรบ้าง

เมื่อเข้าใจกันแล้วว่า Sale Page คืออะไร ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู้มากที่สุด คือ Sale Page ควรมีอะไรบ้าง

ความจริงแล้ว เราสามารถปรับแต่งหน้า Sale Page ได้ตามใจชอบ ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจอยากจะนำเสนออะไร หรือคาดหวังให้ลูกค้าเข้ามาเจอกับอะไรในหน้านี้ ขอแค่เพียงยังเน้นจุดมุ่งหมายหลักของหน้าเพจเอาไว้ ซึ่งก็คือ ต้องสามารถเลือกดูรายละเอียดสินค้าและกดสั่งซื้อได้ในหน้าเดียว แต่ก่อนจะไปรู้ว่า Sale Page ควรประกอบไปด้วยอะไรบ้างนั้น เราต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายของตนเองก่อนว่าพวกเขาเป็นใคร มีความชื่นชอบหรือไม่ชอบอะไร และมีแนวโน้มจะอุดหนุนสินค้าประเภทไหน เพื่อนำมาปรับแต่งเพจนี้ให้ตอบโจทย์คนกลุ่มดังกล่าว

วันนี้ เราได้รวบรวม 5 สิ่งที่ Sale Page ส่วนใหญ่ควรมีมาให้แล้ว ไปดูเลยว่ามีอะไรบ้าง

รายละเอียดสินค้าแบบครบถ้วน

อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่า Sale Page คือหน้าเพจที่แสดงรายละเอียดของสินค้า โดยเราควรเลือกสิ่งที่คิดว่าน่าจะกระตุ้นความอยากซื้อของลูกค้าได้มาใส่ เช่น หากกำลังลดราคา ก็ใส่ราคาเดิมไว้แล้วขีดฆ่าทิ้ง พร้อมใส่ราคาใหม่ลงไปให้ตัวใหญ่กว่า เพื่อทำให้รู้ว่าสินค้านี้กำลังเซล หรือจะใส่ข้อดีของสินค้าที่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ก็ได้ เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกสนใจและตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น 

รีวิวดี ๆ จากลูกค้าเก่า

การซื้อ-ขายออนไลน์ยุคนี้ ผู้บริโภคมักจะเลือกอ่านรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อเสมอ เพราะการซื้อของออนไลน์ไม่เหมือนการซื้อหน้าร้านที่เราสามารถไปหยิบจับและดูคุณภาพของสินค้าด้วยตนเองได้ ดังนั้น รีวิวจากคนที่เคยอุดหนุนจึงเป็นที่พึ่งหนึ่งเดียวของสายชอปปิงออนไลน์ เราจึงควรใส่คอนเทนต์ประเภทนี้ไว้ในหน้า Sale Page ด้วย เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นในแบรนด์ของเรามากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเชื่อเสียงของผู้บริโภคด้วยกันเองมากกว่าคำโฆษณาจากทางร้านอยู่แล้ว

ข้อมูลติดต่อร้านค้า

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ต้องมีบน Sale Page ก็คือข้อมูลติดต่อร้านค้า เพราะบนเว็บไซต์ไม่ได้มีแอดมินที่คอยตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ อย่างมากก็แค่แชตบอตอัตโนมัติ ซึ่งบางทีก็ไม่สามารถตอบในสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะรู้ได้ และหากไม่มีช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ที่ให้สอบถามเพิ่มเติมกับมนุษย์จริง ๆ ลูกค้าก็อาจไม่ให้ความเชื่อมั่นในร้านค้าจนล้มเลิกการซื้อไป ดังนั้น เราจึงควรใส่ช่องทางอื่น ๆ เช่น Facebook Page, LINE Official หรือ Instagram เอาไว้ด้วย โดยแต่ละช่องทางต้องมีแอดมินคอยบริการลูกค้าแบบรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ลูกค้ารอนานจนเปลี่ยนใจไปซื้อร้านอื่นแทน

ปุ่ม Call to Action (CTA)

เพราะจุดประสงค์ของเราคือการทำให้ทุกอย่างจบในหน้าเดียว ปุ่ม Call to Action จึงจำเป็นมาก โดยเราสามารถเขียนข้อความอะไรก็ได้ที่กระตุ้นให้เกิด Conversion เช่น คลิกเพื่อรับส่วนลด หยิบใส่ตะกร้า หรือ สั่งซื้อเลย เป็นต้น แต่อย่าลืมทำให้ปุ่มมองเห็นได้ง่ายด้วย โดยอาจจะใช้สีที่ตัดกับพื้นหลังเพื่อเพิ่มความโดดเด่น และสามารถใส่ได้มากกว่าหนึ่งที่ตามความเหมาะสม

เทมเพลตสวย ๆ

ถึงจะมีสี่ข้อบนเรียบร้อย แต่อย่าเพิ่งคิดว่าแค่นี้ก็ทำ Sale Page เสร็จได้แล้ว เพราะต่อให้เรานำเสนอสินค้าได้ดีเท่าไร ถ้าขาดหน้าตาสวย ๆ ของเว็บเพจไปก็อาจดูน่าซื้อน้อยลง ซึ่งสมัยนี้ เราไม่จำเป็นต้องมีทักษะเชี่ยวชาญแบบกราฟิกดีไซนเนอร์ก็สามารถสร้าง Sale Page สวย ๆ เองได้ เนื่องจากเรามีเว็บไซต์สร้าง Sale page ฟรี โดยจะมีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เราได้เลือกใช้ตามใจชอบ ตัวอย่างเว็บไซต์ Sale Page ฟรีที่ได้รับความนิยม เช่น iEzy Pro Sale Page, 911 Sale Page, Clicksalepage, Page365 Store, FastCommerz เป็นต้น

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า Sale Page ถือเป็นหน้าตาของร้านค้าออนไลน์ไม่ต่างจากหน้า Home Page เลยทีเดียว ฉะนั้น เราต้องทำออกมาให้ดูดี เป็นมืออาชีพ ลูกค้าจะได้ให้ความไว้วางใจและรู้สึกอยากซื้อสินค้าของเรามากขึ้น สำหรับใครที่สนใจอยากทำ Sale Page ก็สามารถเริ่มทำได้เลยวันนี้ ซึ่งหากยังไม่มีไอเดีย ก็อาจหัดทำจากเว็บไซต์ Sale Page ฟรีก่อนก็ได้ เพื่อดูเทมเพลตคร่าว ๆ ว่าควรเป็นไปในทิศทางใด แต่อย่าลืมใส่องค์ประกอบที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นให้ครบ เพื่อที่ Sale Page ของเราจะได้สมบูรณ์แบบ ให้ลูกค้าเข้ามาแล้วรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้ซื้อ รับรองว่ายอดขายปัง ปิดการขายได้เร็วแน่นอน !

กำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถช่วยคุณในเรื่องทำการตลาดออนไลน์อยู่ใช่ไหม ที่ Primal Digital Agency เรามีทีมงานมากประสบการณ์กว่า 150 คนที่พร้อมพาคุณไปสู่ความสำเร็จ ติดต่อเราได้เลยวันนี้