เทคนิคออกแบบ LINE Rich Menu ให้ร้านค้าดูน่าสนใจ ยอดขายปัง

เชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “LINE (ไลน์)” แอปพลิเคชันแชตที่นิยมมากของคนไทย เพราะการติดต่อพูดคุยระหว่างกันเกือบ 80% เราก็มักจะทำผ่าน LINE ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการส่งข้อความ โทร วิดีโอคอล หรือแม้กระทั่งการส่งงานเองก็ตาม ในขณะที่ตัวแอปพลิเคชันเองก็มีฟังก์ชันออกมาให้เราได้เลือกใช้กันไม่หยุดหย่อน กล่าวคือ นอกจากบัญชีส่วนตัวแล้ว ยังมี LINE Official Account (LINE OA) ที่เอื้ออำนวยให้เหล่าร้านค้าได้ทำการตลาดสะดวกขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครที่มีบัญชี LINE OA อยู่แล้วก็คงทราบดีว่าฟังก์ชันนี้ช่วยสร้างรายได้ให้ธุรกิจได้มากมาย และยังช่วยทำให้ร้านค้าของเราดูเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ LINE OA ที่กำลังจะพูดถึงต่อไปนี้คือ “Rich Menu (ริชเมนู)

Rich Menu Template

LINE Rich Menu คืออะไร?

หากใครเคยชอปปิงออนไลน์ ก็คงจะเคยเห็นปุ่มเมนูลัดที่ให้เราเลือกทำรายการต่าง ๆ บนหน้าแชต LINE ของร้านค้านั้น ๆ กันมาบ้าง สิ่งนั้นเองที่เรียกว่าเป็น Rich Menu

LINE Rich Menu คือ หนึ่งในฟีเจอร์บน LINE Official Account ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้งานที่เข้ามาใช้บริการร้านค้า มีลักษณะเป็นเมนูลัดที่ลูกค้าสามารถมองเห็นและเลือกคลิกจากหน้าแชตได้เลย ซึ่งร้านค้าที่เป็นเจ้าของบัญชี LINE OA สามารถปรับแต่งและออกแบบได้ตามใจชอบ โดยจะมีเทมเพลตให้เลือกใช้และใส่ลูกเล่นต่าง ๆ ได้สูงสุดถึง 6 ช่อง และแต่ละช่องก็จะเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ LINE เช่น คูปอง บัตรสะสมแต้ม ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ หรือลิงก์ที่นำทางลูกค้าไปยังเว็บไซต์ของร้าน เป็นต้น

 

องค์ประกอบของ LINE Rich Menu

  • ภาพพื้นหลัง โดยเราสามารถใช้เป็นไฟล์ภาพสกุล JPEG หรือ PNG ก็ได้ แต่ต้องมีความคมชัด และสีไม่ควรจัดเกินไปจนบดบังตัวหนังสือและเมนูสำคัญ ๆ
  • ไอคอน หรือปุ่มเมนู ในส่วนนี้เราสามารถใส่เมนูตามที่ต้องการได้เลย โดยอาจให้ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ เบอร์โทร อีเมลของร้าน หรือจะใส่ข้อความก็ได้เช่นกัน
  • แถบแชต ผู้ใช้งานจะเปิดและปิด Rich Menu จากแถบนี้ ซึ่งเราสามารถปรับแต่งข้อความที่อยู่บนแถบได้ตามความเหมาะสม

 

ทำไมร้านค้าจึงควรใช้ LINE Rich Menu?

ทำให้ลูกค้าติดต่อแบรนด์ได้สะดวกรวดเร็ว

Rich Menu บน LINE คือเมนูที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถกดเลือกเพื่อทราบข้อมูลที่ต้องการ หรือติดต่อพูดคุยกับทางร้านได้เลยทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์แชตในเวลาเร่งด่วน ทั้งยังไม่ต้องรอเจ้าของร้านหรือแอดมินเข้ามาตอบคำถามด้วย เนื่องจากเราสามารถออกแบบ Rich Menu ให้มี Chatbot เข้ามาช่วยตอบคำถามที่มักพบบ่อยได้ในทันที

ช่วยนำทางลูกค้าให้เจอสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

หากเราขายของบน LINE Official Account มาสักพักหนึ่งแล้ว เราก็น่าจะพอจับทางได้แล้วว่าลูกค้าส่วนมากมักเข้ามาสอบถามเรื่องอะไร เมื่อนั้น เราก็สามารถนำเอาข้อมูลที่มักถูกถามเข้ามาบ่อย ๆ เหล่านั้นมาใช้ในการสร้าง Rich Menu ได้เลย เช่น อาจเป็นการสร้างเมนูแผนที่ร้านค้าเอาไว้ ทำให้ลูกค้าที่กำลังจะทักถามเส้นทางก็สามารถกดเลือกดูได้เลยทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลา หรือใส่ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับแบรนด์ที่คิดว่าลูกค้าควรทราบลงไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลร้าน โปรโมชันใหม่ สินค้าใหม่ หรือประกาศจากร้านค้า เป็นต้น

ช่วยให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น

เนื่องจาก Rich Menu เป็นเมนูที่ปรากฏอยู่ในหน้าแชต จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการใช้เพื่อสร้างการจดจำ (Awareness) ให้แก่ลูกค้า โดยวิธีทั่วไปที่หลายแบรนด์นิยมใช้คือ การใช้สีประจำของแบรนด์มาเป็นธีมสีของ Rich Menu เช่น ธนาคารกสิกรไทยสีเขียว สายการบินนกแอร์สีเหลือง ไปรษณีย์ไทยสีแดง เป็นต้น

นอกจากสีแล้ว เรายังสามารถใช้สิ่งอื่นสร้างการจดจำได้อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ มาสคอต หรือแม้กระทั่งฟอนต์ตัวหนังสือก็สามารถบ่งบอกอัตลักษณ์ความเป็นแบรนด์ได้เช่นกัน

 

เทคนิคการออกแบบ LINE Rich Menu

ไม่ใช่ว่าแค่สร้าง Rich Menu ขึ้นมาปุ๊บแล้วยอดขายจะปังปั๊บ แต่เราต้องมีเทคนิควิธีการออกแบบให้ดูสวยงาม มีความน่าสนใจ และเป็นมืออาชีพในสายตาของลูกค้าด้วย ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

เลือกเทมเพลตให้เหมาะสม

ดังที่ได้กล่าวไปว่า Rich Menu บน LINE Official Account นั้นมีเทมเพลตให้เราสามารถปรับแต่งเองได้สูงสุด 6 ช่อง แต่มีทั้งหมด 12 แบบเลยทีเดียว ได้แก่ แบบใหญ่ 7 แบบ และแบบเล็ก 5 แบบ ซึ่งในแต่ละช่องของเทมเพลต เราสามารถใส่แอ็กชันต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้ผู้ใช้งานคลิกไปยังฟังก์ชันหรือหน้าที่ต้องการได้ โดยเราควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานของร้านค้า และควรจำไว้เสมอว่า Rich Menu ที่ดีไม่จำเป็นต้องมีเทมเพลตเต็ม 6 ช่องเสมอไป ให้คำนึงถึงการใช้งานจริงและความสะดวกของลูกค้าเป็นหลักจะดีกว่า

คัดสิ่งที่ลูกค้าต้องการมาใส่

หากสร้าง Rich Menu ขึ้นมา แต่ถ้าไม่มีคนคลิกก็คงเปล่าประโยชน์ ดังนั้น ก่อนจะทำเราจึงควรถามตัวเองก่อนว่า สิ่งที่ลูกค้ามักต้องการหรือถามหาก่อนซื้อสินค้าคืออะไร โดยอาจเป็นข้อมูลเกี่ยวกับร้าน รูปภาพสินค้าเพิ่มเติม วิธีการกดรับคูปองส่วนลด หรือการใช้บัตรสะสมแต้มผ่าน LINE Official Account เป็นต้น

อีกกรณีหนึ่งคือ หากเรามีแอ็กชันบางอย่างที่ต้องการให้ลูกค้าทำ หรือที่เรียกว่าปุ่ม Call to Action (CTA) เช่น การสมัครสมาชิก การทดลองใช้งาน ฯลฯ เราก็สามารถนำสิ่งเหล่านั้นมาใส่ใน Rich Menu และออกแบบให้เมนูดังกล่าวมีความโดดเด่น สะดุดตากว่าเมนูอื่น ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้า และกระตุ้นให้ลูกค้ารู้สึกอยากคลิกเข้ามาให้มากที่สุด

ใช้โทนสีที่สื่อถึงความเป็นแบรนด์

การนำสีที่สื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์มาใช้ในการออกแบบ Rich Menu เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจควรทำ โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ต้องการสร้างตัวตนในวงการการตลาด เพราะการเห็นสีใดสีหนึ่งมาคู่กับแบรนด์ของเราซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ลูกค้าจดจำได้ว่าสีนี้คือ สีประจำแบรนด์ นอกจากนี้ ยังทำให้มู้ดแอนด์โทนของบัญชี LINE Official Account ของเราเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดูมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและเป็นมืออาชีพอีกด้วย

สร้างโปรโมชันเพื่อกระตุ้นยอดขาย

หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่าการสร้าง Rich Menu ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้! เพียงแค่เราคิดค้นโปรโมชันหรือกิจกรรมพิเศษที่มีเฉพาะใน LINE เท่านั้นเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วม (Engagement) จากลูกค้า โดยการใส่แบนเนอร์โปรโมชันเด่น ๆ ลงไป เช่น การกดรับโคดส่วนลดใน LINE OA แล้วแจ้งโคดกับแอดมินเพื่อรับส่วนลด 15% เป็นต้น

อัปเดต Rich Menu อย่างสม่ำเสมอ

หากใครกำลังคิดว่าสร้าง Rich Menu ครั้งเดียวแล้วใช้ไปตลอดกาลล่ะก็ บอกได้เลยว่าคิดผิด! เพราะสิ่งที่เราควรทำคือการปรับแต่ง Rich Menu ให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุกครั้งที่แบรนด์ของเรามีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการย้ายที่อยู่ร้าน การเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ การยกเลิกการผลิตสินค้า เวลาหมดเขตโปรโมชัน หรือแม้กระทั่งการออกสินค้าคอลเลกชันใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้รับข้อมูลที่อัปเดตอยู่เสมอ ในทางตรงกันข้าม หากลูกค้าไม่สามารถติอต่อกับแบรนด์ได้ หรือไม่เคยได้รับข้อมูลข่าวสารอะไรจากแบรนด์เลย ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดบางอย่าง ตลอดจนอาจลืมว่าเคยมีแบรนด์ของเราอยู่ในวงการธุรกิจเลยทีเดียว

ทั้งนี้ รูปแบบเทมเพลตก็ควรเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมด้วย เพราะถ้าเราใช้แต่อะไรเดิม ๆ ลูกค้าที่เข้ามาก็จะรู้สึกว่าแบรนด์ของเราไม่อัปเดต ไม่มีอะไรใหม่ กระทั่งรู้สึกเบื่อและเลิกสนใจไปในที่สุด ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงควรอัปเดต Rich Menu บน LINE ให้ตอบโจทย์ความสนใจของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลาอยู่เสมอ

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า LINE Rich Menu คือฟีเจอร์ที่ช่วยให้ร้านค้าของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยลดการตอบคำถามเดิมซ้ำ ๆ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาทั้งคนซื้อและคนขาย โดยเทคนิคข้างต้นนี้ ทุกธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการออกแบบคือความสะดวกของผู้ใช้งาน และการสื่อความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านแถบเมนูเล็ก ๆ ส่วนนี้ออกไปให้ได้ ซึ่งถ้าหากทำได้ ร้านค้าของเราก็จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ไม่ยากเลย