Personal Branding คืออะไร รู้จักวิธีสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง
ทุกวันนี้ มีธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายทั้งเล็กและใหญ่ ยิ่งเราอยู่ในยุคที่มีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการซื้อ-ขายเช่นนี้ การจะเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่งก็ยิ่งง่ายกว่าเดิม เพราะสามารถขายออนไลน์ได้ แค่มีแพลตฟอร์มเอาไว้ใช้โปรโมตสินค้า ซึ่งอาจจะเป็นโซเชียลมีเดีย อีคอมเมิร์ซ หรือเว็บไซต์ก็ได้
แต่เมื่อในตลาดมีธุรกิจจำนวนมาก ก็หมายความว่าคู่แข่งของเราจะเยอะขึ้นตามไปด้วย แล้วจะทำอย่างไรให้แบรนด์ของเรามีตัวตน และโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งเหล่านั้น
เป้าหมายนี้ จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย แต่จะว่ายากก็คงไม่เกินความสามารถ เพราะเรามีกลยุทธ์ที่เรียกว่า การทำ “Personal Branding” หรือการสร้างแบรนด์บุคคล ให้แบรนด์ของเราสามารถสื่อสารความเป็นตัวตนออกไปให้ผู้บริโภคได้รับรู้และเกิดการจดจำ
ไปดูกันเลยว่า Personal Branding คืออะไร มีข้อดีอย่างไร และเราจะสร้างขึ้นมาอย่างไรได้บ้าง
Table of Contents
Personal Branding คืออะไร
กำลังมองหาวิธีสร้างการจดจำด้วยการทำให้แบรนด์โดดเด่นและแตกต่างใช่ไหม Personal Branding คือคำตอบ !
Personal Branding คือ การสร้างแบรนด์บุคคล หรือการสร้างภาพลักษณ์ประจำแบรนด์ขึ้นมาให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้บริโภค ด้วยการนำเสนอตัวตนเหล่านั้นผ่านกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น การเล่าเรื่อง การโฆษณา การทำคอนเทนต์ เป็นต้น โดยตัวตนของแบรนด์สามารถเป็นอะไรก็ได้ที่สร้างการจดจำได้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ บุคลิก แนวคิด สิ่งที่ยึดมั่น ฯลฯ ซึ่งเมื่อพูดถึงแบรนด์ของเรา ลูกค้าจะนึกถึง Personal Branding ได้ทันที เช่น เมื่อพูดถึงไทยประกันชีวิต เราก็จะรับรู้โดยทั่วกันว่าเป็นแบรนด์ที่มีเจตนารมณ์ในการยึดมั่นเรื่องคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรัก และคุณค่าของมนุษย์ เพราะเราต่างก็มีภาพจำที่เป็นโฆษณาซึ่งสะท้อนให้เห็นแนวคิดดังกล่าวของแบรนด์ และนั่นก็คือการสร้าง Personal Branding ของไทยประกันชีวิต
ความสำคัญของ Personal Branding คืออะไร
ในการสร้างการจดจำแบรนด์นั้น แน่นอนว่าเราต้องมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่นเพื่อทำให้คนรู้จักก่อน และเมื่อผู้บริโภครู้จักชื่อเรา รวมถึงมีภาพจำที่ชัดเจนเกี่ยวกับแบรนด์ของเราแล้ว เราก็จะมีศักยภาพในการโน้มน้าวกลุ่มเป้าหมายให้มาซื้อผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น เพราะแบรนด์ที่มีตัวตนในตลาด ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเสมอ ต่อให้ธุรกิจอื่นขายสินค้าเหมือนเรา หรือมีบริการในระดับเดียวกัน แต่ถ้าไม่มี Personal Branding ที่น่าจดจำพอ ก็ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อยู่ดี
ดังนั้น ความน่าเชื่อถือและความเชี่ยวชาญ คือสองสิ่งที่เราจะได้รับจากการสร้าง Personal Branding ที่ดี ลองนึกภาพตามง่าย ๆ เวลาที่มีดาราดัง อินฟลูเอนเซอร์ หรือบุคคลที่กำลังเป็นกระแสใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใด ผู้บริโภคก็จะรู้สึกอยากใช้ตามมากกว่าบุคคลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก กับแบรนด์เองก็เช่นกัน หากเรามี Personal Branding ที่โดดเด่น จดจำง่าย ลูกค้าก็จะให้ความไว้วางใจมากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่ไม่ได้มีการสร้างตัวตนให้น่าจดจำ
ข้อดีของ Personal Branding มีอะไรบ้าง
ดังที่ได้กล่าวไปว่าการสร้าง Personal Branding จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ดูโดดเด่นและมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ อย่างชัดเจน ซึ่งไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้ 100% อย่างแน่นอน ดังนั้น Personal Branding คือสิ่งที่มีผลต่อการผลักดันให้ธุรกิจมีชื่อเสียงในตลาดเป็นอย่างมาก
มาดูกันว่าข้อดีของ Personal Branding มีอะไรบ้าง
ทำให้แบรนด์มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
Personal Branding จะช่วยทำให้เรามีความน่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาผู้บริโภค เพราะเมื่อเรามีอัตลักษณ์ขององค์กรแล้ว เราก็จะสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนเองออกมาได้ดียิ่งขึ้นผ่านจุดยืนที่ชัดเจน
ทำให้แบรนด์มีตัวตนในโลกออนไลน์
ไม่ใช่แค่มีชื่อเสียงในชีวิตจริงเท่านั้น แต่ Personal Branding คือสิ่งที่ทำให้เรามีตัวตนมากขึ้นท่ามกลางคู่แข่งนับพันบนโลกออนไลน์ด้วย เพราะสมัยนี้ อะไร ๆ ก็เป็นคอนเทนต์ไปเสียหมด หากเรารู้จักนำ Personal Branding ของตนเองมาปรับเป็นคอนเทนต์เพื่อโปรโมตแบรนด์แล้วละก็ รับรองว่าต้องโดนใจกลุ่มเป้าหมายหลาย ๆ คนที่ชื่นชอบอัตลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใครของเราอย่างแน่นอน
ช่วยสร้างเครือข่ายของแบรนด์
เมื่อเรามี Personal Branding ที่ชัดเจน และสามารถวางตนเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจที่กำลังทำอยู่ได้ เราก็จะได้รับการยอมรับจากสังคมมากขึ้น และเมื่อได้การยอมรับจากคนหมู่มากแล้ว เราก็สามารถสร้างเครือข่ายของแบรนด์ได้จากฐานผู้ติดตามที่มี เพราะการสร้างเครือข่ายเกิดจากการที่แบรนด์สามารถสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รับรู้ถึงคุณค่าของการมีแบรนด์นี้อยู่ หรือที่เรามักเรียกกันว่า Shared Values นั่นเอง
ช่วยดึงดูดลูกค้าให้มากกว่าเดิม
เมื่อเรามีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับมีตัวตนที่น่าสนใจ โดดเด่นเหนือคู่แข่ง กลุ่มเป้าหมายก็จะให้ความสนใจเรามากขึ้น หากทำการตลาดดี ๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจของลูกค้าได้เลย ยิ่ง Personal Branding ของเราเป็นที่จดจำมากเท่าไร ก็จะยิ่งเกิดการบอกต่อในหมู่ผู้บริโภคมากเท่านั้น
ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แบรนด์
การสร้าง Personal Branding ที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ตัวแบรนด์ ตลอดจนสินค้าและบริการที่แบรนด์ขาย ซึ่งจะทำให้เราอยู่เหนือกว่าคู่แข่งที่ทำธุรกิจในหมวดหมู่เดียวกัน
เทคนิคการสร้าง Personal Branding มีอะไรบ้าง
ตอบให้ได้ว่าเราคือใคร
ก่อนจะสร้างแบรนด์ให้โดดเด่น เราต้องตอบให้ได้ก่อนว่าเราเป็นใคร ทำอะไร และทำเพื่อใคร เพราะ Personal Branding ที่ดีต้องสามารถสะท้อนตัวตนและความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ได้ โดยเราอาจเริ่มหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองก่อน ค้นหาว่าอะไรที่เรามีแล้วแบรนด์อื่นไม่มี หรืออะไรที่แบรนด์อื่นมีแล้วเรายังไม่ทำ แล้วนำข้อมูลที่วิเคราะห์ได้มาสร้างแบรนด์ให้แตกต่างจากผู้อื่นให้ได้มากที่สุด
เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง
เราต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราต้องการสื่อสารกับใคร เพราะคนแต่ละกลุ่มก็จะมีบุคลิก ลักษณะ และวิธีการสื่อสารที่แตกต่างกันออกไป เช่น หากเป็นกลุ่มวัยรุ่นก็จะต้องมีความทันสมัย หรือหากเป็นกลุ่มนักธุรกิจก็จะต้องแสดงความเป็นมืออาชีพออกมาให้ดูน่าเชื่อถือ เป็นต้น
คิดค้นวิธีแก้ปัญหาของลูกค้าให้ตรงจุด
หนึ่งในกลวิธีที่จะสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จได้ คือ การหา Pain Point ของกลุ่มเป้าหมายว่าพวกเขากำลังประสบปัญหาอะไร แล้วคิดหาวิธีแก้ปัญหานั้น ๆ ให้ตรงจุด โดยเราจะต้องวางตัวเองในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ลูกค้าได้ ทำให้ลูกค้าเชื่อใจว่าเราสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้จริง
สร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ
ในการสร้างแบรนด์ให้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือเว็บไซต์ เพราะเว็บไซต์จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้ลูกค้าสามารถเซิร์ชหาเราเจอด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา และการที่มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์ก็ถือเป็นโอกาสอันดี ที่จะพัฒนาคนเหล่านั้นให้กลายมาเป็นลูกค้าของเราในอนาคต โดยสิ่งที่เราควรทำ คือ การใส่ข้อมูลที่จำเป็นลงไปบนหน้าโฮมเพจ ทำให้คนที่เข้ามารู้ว่าเราทำอะไร สามารถช่วยพวกเขาแก้ปัญหาได้อย่างไรบ้าง และที่สำคัญ ต้องมีช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าเราเข้าถึงยากเกินไป เพราะอาจทำให้เสียลูกค้าไปได้
ปรับปรุงภาพลักษณ์ของแบรนด์
หากเปรียบกับตัวบุคคล ภาพลักษณ์ก็อาจจะหมายถึงบุคลิกภาพ การแต่งกาย หรือการแสดงออก แต่สำหรับแบรนด์ ภาพลักษณ์ก็คือสิ่งแรกที่ลูกค้าจะมองเห็น ซึ่งอาจเป็นสโลแกน แพ็กเกจจิง หรือโลโก้ก็ได้ โดยในการสร้าง Personal Branding เราจะต้องเริ่มจากการปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้ากับจุดยืน (Position) ที่เราวางไว้ ว่าเราต้องการจะเป็นใครในสายตาของลูกค้า หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการ Keep Character ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับสิ่งที่เราอยากจะเป็นในตลาดนั่นเอง
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นสร้าง Personal Branding ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลากหลายปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึงเพื่อสร้างการจดจำในหมู่ลูกค้าให้ได้อย่างยั่งยืน และต้องอย่าลืมว่าทุกสิ่งที่เราสื่อสารออกไปหาลูกค้านั้น ต้องเป็น “เรื่องจริง” ทั้งหมด เนื่องจากเราไม่สามารถสร้างตัวตนที่ไม่ใช่ตัวเราจริง ๆ ขึ้นมา และ “คีปแครักเตอร์” ให้เป็นเช่นนั้นได้ตลอดไป การจะทำ Personal Branding ให้มีประสิทธิภาพในระยะยาว จึงต้องเริ่มจากการที่เรามีความจริงใจต่อลูกค้าเสียก่อน ซึ่งเราจะต้องหาจุดเด่นของตนเองให้เจอ แล้วพัฒนาส่วนนั้นให้กลายมาเป็นตัวตนที่โดดเด่นของแบรนด์ให้ได้
หลังจากได้รู้กันไปแล้วว่าประโยชน์ของ Personal Branding มีอะไรบ้าง หวังว่าทุกท่านจะสามารถนำไปปรับใช้กับแบรนด์ของตนเองเพื่อสร้างการจดจำที่ดีได้ แต่ถ้าหากใครยังไม่มั่นใจว่าควรเริ่มจากตรงไหน ติดต่อ Primal Digital Agency ได้เลยวันนี้ เพราะเราเป็นบริษัทรับทำการตลาดชั้นนำของไทย ที่พร้อมให้คำปรึกษาผู้ประกอบการในทุกแง่มุมของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
Join the discussion - 0 Comment