Inbound Marketing คืออะไร รู้จักหลักการตลาดที่ว่าด้วยกฏแห่งแรงดึงดูด
เมื่อปี 2006 มีหนังสือที่ชื่อว่า “The Secret” โดยนักเขียนชาวออสเตรเลีย Rhonda Byrne ที่ว่าด้วยเรื่อง “กฏแห่งแรงดึงดูด” จนกลายเป็นหนังสือที่โด่งดังไปทั่วโลก อีกทั้งยังถูกแนะนำจากบุคคลที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จระดับโลกหลายคน นับตั้งแต่วันนั้น กฏแห่งแรงดึงดูดก็ได้กลายมาเป็นอีกหนึ่งแนวคิด ที่ผู้คนมากมายนำมาปรับใช้ในชีวิต
ในด้านการทำการตลาด ก็มีการนำ “กฏแห่งแรงดึงดูด” มาใช้ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือ วิธีการอย่าง Inbound Marketing
Table of Contents
Inbound Marketing คืออะไร?
Inbound Marketing คือกลยุทธ์การทำการตลาดด้วยการนำเสนอคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเปี่ยมด้วยคุณค่า เพื่อให้สามารถเข้าถึงและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย ด้วยจุดประสงค์ที่มุ่งเน้นการสร้าง “ความสัมพันธ์ระยะยาว” ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภค
ทำ Inbound Marketing ได้อย่างไรบ้าง?
การทำ Inbound Marketing นั้น จะเป็นการมุ่งเน้นไปที่การทำ Content Marketing เป็นหลัก ซึ่งมีความหลากหลายอย่างมาก โดยคุณสามารถเลือกนำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับงบประมาณและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้
ประเภทของคอนเทนต์ Inbound Marketing ที่เป็นที่นิยม
- การทำบล็อก / การทำ SEO
- การทำภาพ Infographics
- การทำวิดีโอคลิป
- การทำเว็บไซต์
- การทำโซเชียลมีเดีย
Inbound Marketing เหมาะกับใคร
ในทางทฤษฎี การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing เหมาะสำหรับธุรกิจทุกรูปแบบที่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากจะบอกว่าการทำ Inbound Marketing คือหนึ่งในวิธีที่มีความสำคัญและตอบโจทย์สำหรับธุรกิจขนาดเล็กก็คงไม่ผิดนัก เพราะด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยแต่ให้ผลตอบแทนสูง อีกทั้งยังสามารถสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจที่ส่งผลต่อผู้บริโภคได้ในระยะยาวอีกด้วย
Inbound Marketing ทำงานอย่างไร
ไม่ขายตรง
การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้น จะไม่มุ่งเน้นในการขายตรง (Hard Sale) แต่จะเน้นไปที่การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและให้ข้อมูล รวมถึงช่วยตอบคำถาม หรือแนะนำแนวทางแก้ไขต่อผู้บริโภค ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคได้โดยตรง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่แค่การช่วยเพิ่มยอดขายเพียงอย่างเดียวอย่างแน่นอน
ซึ่งในการทำการตลาดประเภทนี้ คุณอาจจะมีการใส่ชื่อสินค้าหรือบริการของคุณเอาไว้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่ควรมากเกินไปจนผู้บริโภครู้สึกอึดอัดใจว่าคุณกำลังขายของพวกเขาอยู่ และคุณต้องจำเอาไว้เสมอว่า การทำ Inbound Marketing คือการสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสร้างผลลัพธ์ แต่หากมองในระยะยาวแล้ว ถือว่าคุ้มค่าอย่างมาก
สร้างคุณค่า
คอนเทนต์ที่นำเสนอผ่านการทำ Inbound Marketing นั้น จำเป็นจะต้องให้ข้อมูล ความรู้ รวมถึงแนะนำแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ต่อผู้บริโภค ซึ่งสิ่งที่สำคัญก็คือ คุณจำเป็นต้องมีองก์ความรู้และข้อมูลที่แม่นยำ ละเอียดและชัดเจน เพื่อจะได้นำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ เหล่านี้ จะเปรียบเสมือนการที่คุณสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ รวมถึงช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่มีความเป็นมืออาชีพในด้านนั้น ๆ อย่างแท้จริง อันเป็นจุดเริ่มต้นของความน่าเชื่อถือ
กลยุทธ์การทำ Inbound Marketing
การทำ Inbound Marketing นั้นมีความแตกต่างจากการทำการตลาดทั่วไป เพราะขับเคลื่อนด้วยหลักการ Flywheel ในขณะที่หลักการตลาดแบบอื่น ๆ จะโฟกัสไปที่ Sale Funnel เสียมากกว่า
Flywheel คือรูปแบบการทำธุรกิจที่เป็นวงกลม โดยใช้ความพึงพอใจของผู้บริโภคในการขับเคลื่อนเป็นหลัก ที่จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้บริโภคและสร้างระบบหมุนเวียนในตัว ผ่านการที่ผู้ประกอบการสร้างคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ รวมถึงการพัฒนาสินค้าหรือบริการ ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการซื้อ ใช้ รีวิว บอกต่อ ที่เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจนั่นเอง
หลักการ 3 ข้อของ Inbound Marketing
Attract
หลักการแรกคือ “การดึงดูด” เพื่อทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจในตัวแบรนด์ สินค้าหรือบริการ จากการนำเสนอคอนเทนต์ต่าง ๆ ให้พวกเขาอ่านและหาข้อมูล โดยการทำ Inbound Marketing ในส่วนของ Attract นั้นสามารถสร้างสรรค์ผ่านการทำบล็อกในรูปแบบของ SEO, การทำโฆษณา, การทำวิดีโอคลิป หรือการทำ Social Media Marketing เป็นต้น
Engage
เมื่อผู้เข้าชมเริ่มสนใจในคอนเทนต์ที่คุณได้สร้างสรรค์ออกไป แล้วพวกเขาเกิดการตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของแบรนด์ ในขั้นตอนต่อไปของกลยุทธ์การทำ Inbound Marketing ก็คือ “การสร้างปฏิสัมพันธ์” ซึ่งในขั้นตอนนี้สามารถทำได้ด้วยหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการกดไลก์ กดแชร์ การคอมเม้นต์ การเข้าชมเว็บไซต์ การลงทะเบียนรับข่าวสาร การติดต่อสอบถาม ไปจนถึงการที่ผู้เข้าชมเปลี่ยนเป็นผู้บริโภคผ่านการซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ
ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถนำเครื่องมือการตลาดหลากหลายแบบมาปรับใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็น การทำปุ่ม Call To Action (CTA) การทำฟอร์มกรอกรับข้อมูลหรือข่าวสารต่าง ๆ ผ่านอีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ การสร้างระบบบอทหรือจ้างแอดมินเพื่อตอบคำถามหากลูกค้าสนใจในสินค้าหรือบริการ เป็นต้น
Delight
ขั้นตอนสุดท้ายของกลยุทธ์การทำ Inbound Marketing ก็คือ “การสร้างความประทับใจ” ซึ่งถือว่าเป็นแก่นหลักของการทำการตลาดประเภทนี้เลยก็ว่าได้ เพราะการตลาดแบบปกติทั่วไปจะโฟกัสเพียงแค่การปิดการขายให้ได้ แต่สิ่งที่ทำให้ Inbound Marketing แตกต่างก็คือ การใส่ใจในบริการหลังการขาย อันเป็นเหมือนการซื้อใจผู้บริโภคและทำให้พวกเขากลายมาเป็นลูกค้าประจำในที่สุด
คุณสามารถสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วยวิธีการมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาเรื่อย ๆ อย่างเช่น การมีพื้นที่ให้พวกเขารีวิว/ติชมสินค้าหรือบริการ การมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ชักชวนให้พวกเขามากดไลก์ กดแชร์ หรือเชิญชวนพวกเขาเข้าร่วมงานเมื่อมีงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่หรือเปิดสาขาใหม่ รวมถึงมีการมอบสินค้าตัวอย่างให้ไปทดลอง เป็นต้น
ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ คุณต้องอย่าลืมที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่คุณมีกับลูกค้าเอาไว้ ด้วยการให้ข้อมูลข่าวสารหรือโปรโมชันใหม่ ๆ ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ รวมไปถึงอีเมลและเบอร์โทรที่พวกเขากรอกไว้ในตอนแรก เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีความสนใจและมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
เพราะ Inbound Marketing คือการทำการตลาดแบบ “ใจแลกใจ”
ขอสรุปตรงนี้ว่า Inbound Marketing เป็นการทำการตลาดแบบ “ใจแลกใจ” ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณค่า ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน มีประโยชน์ และการดูแลเอาใจใส่ผู้บริโภคอย่างทะนุถนอม ดังนั้นก่อนที่คุณจะเริ่มต้นทำ Inbound Marketing เราอยากให้คุณ “ให้ใจ” และมอบ “สิ่งที่ดีที่สุด” ให้กับผู้บริโภคเสียก่อน ไม่ใช่แค่การ “ขายให้ได้ไวที่สุด” และเชื่อในผลลัพธ์ระยะยาวที่ผู้บริโภคจะ “มอบใจ” กลับมาให้คุณด้วยเช่นกัน
Join the discussion - 0 Comment