Google Web Story คืออะไร รู้จักฟีเจอร์ใหม่ช่วยเพิ่มแทรฟฟิก
ในยุคดิจิทัล การทำ SEO (Search Engine Optimisation) เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ เพราะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับแรก ๆ บนหน้าการค้นหา อันจะนำมาซึ่งจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) ที่มากขึ้น แล้วยังทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือมากขึ้นด้วย เพราะเวลาที่ผู้ใช้งานจะเซิร์ชหาอะไรสักอย่าง ก็มักจะเลือกคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ที่อยู่อันดับบน ๆ มากกว่าล่าง ๆ
กระนั้น การทำ SEO ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และใช้ระยะเวลานานแล้ว อัลกอริทึมยังมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนากฎเกณฑ์อยู่เรื่อย ๆ จนตามแทบไม่ทันอีก ทำให้หลายคนก็เลือกที่จะใช้บริการรับจ้างทำ SEO มากกว่า ซึ่งล่าสุด Google ก็ได้เปิดตัวอีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่มีผลต่อ SEO ช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีจำนวนผู้เข้าชมมากขึ้น ได้แก่ “Google Web Story”
มาดูกันว่า Google Web Story คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรต่อเว็บไซต์ของเรา !
Table of Contents
Google Web Story คืออะไร
Google Web Story คือ ฟีเจอร์ใหม่จาก Google ที่มีลักษณะคล้ายกับสตอรีที่เราคุ้นเคยกันดีบน Facebook หรือ Instagram แต่คราวนี้จะมาอยู่บนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine ด้วยการนำเสนอเรื่องราวผ่านรูปภาพและวิดีโอในแนวตั้งแบบเต็มหน้าจอ และจะไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งต่างจากสตอรีบนแอปฯ ในเครือ Meta ที่จะหายไปหลังครบ 24 ชั่วโมง
Web Story นั้นถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานบนมือถือโดยเฉพาะ และผู้ใช้งานสามารถอ่าน Web Story ได้โดยไม่ต้องออกจากหน้า Google Search หรือ Google Discover ทำให้สามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) ได้ง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานที่พบเห็นสตอรีของเราจะคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์
ข้อดีของ Google Web Story คืออะไร
มีรูปแบบการนำเสนอที่น่าดึงดูด
อย่างที่เราเห็นกันอยู่แล้วว่า ฟีเจอร์สตอรีบน Facebook และ Instagram นั้นประสบความสำเร็จมากแค่ไหน เพราะลักษณะการนำเสนอจะเป็นรูปแบบของการเลื่อนไปเรื่อย ๆ ไม่จำเป็นต้องหยุดอ่านข้อความยาว ๆ เพียงแค่ภาพหรือวิดีโอสั้น ๆ ก็สามารถเข้าใจสารที่จะสื่อได้ในทันที ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยุคใหม่เป็นอย่างมาก ยิ่งพอนำสตอรีมาอยู่บนหน้า Google ซึ่งดูแปลกตา ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็จะยิ่งสร้างความตื่นตาตื่นใจและดึงดูดผู้บริโภคได้มากขึ้น
สามารถเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ ๆ ได้มากกว่าเดิม
บางที แค่การที่เนื้อหาติดอันดับอย่างเดียวอาจยังไม่ดึงดูดพอ แต่ Google Web Story จะมีภาพหรือวิดีโอที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานคลิกเข้ามาดู ซึ่งหากสตอรีของเรามีคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าเซิร์ชอยู่ในนั้น ก็จะยิ่งดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีความตั้งใจเซิร์ชคีย์เวิร์ดดังกล่าวได้มาก เพราะแค่เข้ามาที่หน้า Search Result หรือ Google Discover ก็จะเจอสตอรีของเราแล้ว อันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ ๆ ที่กว้างกว่าเดิม
เพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ให้มากขึ้น
หลังจากที่กลุ่มเป้าหมายเห็นสตอรีเราแล้ว หากสินค้าหรือบริการของเราตรงกับความต้องการของกลุ่มคนเหล่านั้น ก็มีสิทธิ์สูงที่พวกเขาจะคลิกเข้ามาดูรายละเอียดในเว็บไซต์เพิ่มเติม ซึ่งข้อดีของการที่มีคนเข้ามาชมเว็บไซต์เรามากขึ้น คือ Google จะมองว่าเว็บไซต์ของเรามีคุณภาพเพราะมีคนเข้าเยอะ และให้คะแนนเว็บไซต์เพื่อให้ได้อยู่บนอันดับต้น ๆ ของหน้าผลการค้นหาอีกนาน ๆ
ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์
ต่อให้ผู้ใช้งานจะไม่คลิกเข้ามาในเว็บไซต์ แต่ Googe Web Story ก็ยังมีข้อดีที่ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์อยู่ดี เพราะเมื่อสตอรีของเราไปปรากฏอยู่บนหน้าเซิร์ช ก็จะทำให้ผู้ที่เซิร์ชคีย์เวิร์ดนั้น ๆ เห็นรูปภาพหรือวิดีโอจากแบรนด์ ทำให้ผู้บริโภคเหล่านั้นรับรู้ถึงการมีอยู่ของเรา วันนี้พวกเขาอาจยังไม่ซื้อ แต่พอรับรู้และเกิดการจดจำไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ส่งผลดีต่อธุรกิจในอนาคตแน่นอน
ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO
ข้อดีของ Google Web Story ประการสำคัญ คือ การสร้างสตอรีให้ไปปรากฏอยู่บนหน้าเซิร์ชจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO ด้วย โดยหลักการก็ไม่ต่างจากการสร้างคอนเทนต์อื่น ๆ บนเว็บไซต์ กล่าวคือ ใช้คีย์เวิร์ดที่กลุ่มเป้าหมายเซิร์ชบ่อย ออกแบบเนื้อหาสตอรีให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ รวมถึงปรับปรุงเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ เพียงเท่านี้ โอกาสที่ Web Story ของเราจะได้ไปปรากฏอยู่บนหน้าผลการค้นหาก็มีมากขึ้นแล้ว
วิธีการทำ Google Web Story บนเว็บไซต์ตัวเอง
เตรียมเนื้อหาที่จะสร้างสตอรี
ก่อนอื่น ให้เตรียมเนื้อหาสำหรับการทำ Google Web Story โดยควรจะเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ สามารถเล่าเรื่องผ่านภาพและวิดีโอได้ ไม่ต้องมีตัวหนังสือมาก แต่ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจและรับรู้สารที่เราจะสื่อโดยที่ไม่ต้องใช้เวลานาน
เลือกเครื่องมือสร้าง Web Story
ขณะนี้ มีเครื่องมือสร้าง Web Story หลายแบบให้เราเลือกใช้งาน เช่น
- Web Stories Publisher เครื่องมือสร้าง Web Story ฟรีจาก Google
- Adobe Spark เครื่องมือสร้าง Web Story ที่ขึ้นชื่อเรื่องใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่
- Biteable เครื่องมือสร้าง Web Story ที่มีจุดเด่นเรื่องเทมเพลตสวย ๆ ให้เลือกใช้งานมากมาย
ออกแบบ Web Story ให้สวยงาม น่าดึงดูด
เมื่อเลือกเครื่องมือสร้าง Web Story ได้แล้ว ก็สามารถเริ่มออกแบบ Web Story ของตนเองได้เลย ! โดยอาจทำตามขั้นตอนดังนี้
- เลือกเทมเพลต เนื่องจากเทมเพลตจะช่วยให้เราสามารถออกแบบ Web Story ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์
- ใส่รูปภาพและวิดีโอ เลือกรูปภาพและวิดีโอที่มีความละเอียดสูง น่าสนใจ และดูสวยงามแม้จะมองจากภาพเล็ก ๆ
- ใส่ข้อความ ควรใส่ข้อความที่มีคีย์เวิร์ดเพื่ออธิบายภาพหรือวิดีโอด้วย แต่ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะฟีเจอร์นี้เน้นความไวในการเสพคอนเทนต์
- ปรับแต่งการออกแบบ เช่น การปรับแต่งสี รูปแบบตัวอักษร และองค์ประกอบอื่น ๆ ของ Web Story ให้ดูสวยงามและเข้ากับอัตลักษณ์ของแบรนด์
เผยแพร่ Web Story ให้เป็นสาธารณะ
เมื่อเราออกแบบ Web Story จนได้ผลงานที่เป็นรูปเป็นร่างแล้ว ก็เผยแพร่สู่สาธารณะได้ทันที ด้วยการ
- ฝัง Web Story บนเว็บไซต์ โดยใช้โคด HTML หรือ
- แชร์ Web Story บนโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, X เป็นต้น
วิเคราะห์ผลลัพธ์
หลังจากเผยแพร่ Web Story เรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะปล่อยทิ้งเลย แต่ควรกลับมาเช็กดูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ว่า Web Story ที่กำลังรันอยู่นั้นสามารถทำงานได้ดีหรือไม่ โดยเราสามารถใช้เครื่องมือทางการตลาดอย่าง Google Analytics เพื่อดูข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้เข้าชม ระยะเวลาที่ผู้ชมดูสตอรี หรืออุปกรณ์ที่ผู้ใช้ดู เป็นต้น แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปพัฒนาสำหรับวางแผนการทำ Google Web Story ครั้งถัดไป
Google Web Story ฟีเจอร์ที่เจ้าของเว็บไซต์ไม่ควรพลาด
เมื่อได้รู้กันไปแล้วว่า Google Web Story คืออะไรและมีข้อดีอย่างไร เชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเริ่มสนใจฟีเจอร์นี้กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยให้เราเข้าถึงผู้ใช้ใหม่ ๆ เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และสร้างการรับรู้แบรนด์ได้แล้ว Google Web Story ยังมีส่วนสำคัญในการพัฒนาประสิทธิภาพของ SEO อีกด้วย หากใครกำลังมองหาวิธีทำให้เว็บไซต์ขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ บนหน้าเซิร์ชได้นาน ๆ การทำ Google Web Story บนเว็บไซต์ก็เป็นตัวเลือกที่แบรนด์ไม่ควรพลาด
อยากทำ SEO ให้ได้ผลลัพธ์แบบรูปธรรม เพียงไว้ใจให้เราดูแลธุรกิจคุณ Primal Digital Agency เป็นบริษัทรับทำ SEO ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัลกว่า 150 คน พร้อมช่วยผลักดันให้ธุรกิจคุณขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกได้ในระยะยาว ติดต่อเราได้เลยวันนี้
Join the discussion - 0 Comment