Google Trends คืออะไร เครื่องมือฟรีช่วยหาไอเดียต่อยอดธุรกิจ

ในยุคดิจิทัลที่ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว การทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคออนไลน์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักการตลาดทุกคน โดยหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังและสามารถช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมเหล่านั้นได้อย่างลึกซึ้งก็คือ Google Trends

หน้าเครื่องมือ Google Trends


Google Trends
คืออะไร

Google Trends คือเครื่องมือฟรีที่ Google พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สำรวจความนิยมของคำค้นหาและเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยเครื่องมือนี้จะแสดงข้อมูลแนวโน้ม (Trend) การค้นหาในช่วงเวลาที่เราเลือก และยังแยกข้อมูลตามพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ได้อีกด้วย 

นอกจากนี้ Google Trends ยังช่วยให้เราเปรียบเทียบความนิยมระหว่างคำค้นหาต่าง ๆ ได้ ทำให้นักการตลาดใช้ข้อมูลเหล่านี้วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างเช่น ถ้าเราค้นหาคำว่า “อาหารคลีน” Google Trends จะบอกเราว่าคนค้นหาคำนี้บ่อยแค่ไหนในแต่ละช่วงเวลา และยังบอกได้ว่าประเทศหรือเมืองไหนสนใจเรื่องนี้มากที่สุด ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เข้าใจถึงพฤติกรรมและความสนใจของผู้บริโภคได้ดี ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากในการนำมาวิเคราะห์ตลาดและใช้ทำความเข้าใจเทรนด์ต่าง ๆ ในโลกออนไลน์


Google Trends
มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงสำคัญ

  • เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค : Google Trends ช่วยให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่ผู้คนกำลังสนใจค้นหาในขณะนั้น ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
  • ค้นหาคำหลัก : ช่วยให้ค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและมีปริมาณการค้นหาสูง เพื่อนำไปใช้ทำ SEO และการตลาดดิจิทัล
  • ติดตามเทรนด์ : ช่วยให้ติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ที่กำลังมาแรง เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจได้อย่างทันท่วงที
  • เปรียบเทียบคู่แข่ง : ช่วยในเปรียบเทียบความนิยมของแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ของเรากับคู่แข่ง
  • วางแผนกลยุทธ์ : ช่วยให้วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


หลักการทำงานของ
Google Trends

 Google Trends ทำงานโดยการรวบรวมข้อมูลการค้นหาของผู้ใช้ Google ทั่วโลก จากนั้นนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และแสดงผลออกมาในรูปแบบกราฟและตารางที่เข้าใจง่าย โดยข้อมูลที่เราเข้าถึงจาก Google Trends ได้แก่

  • ความนิยมของคำค้นหา : แสดงให้เห็นว่าคำใดถูกค้นหามากที่สุดในช่วงเวลาที่กำหนด
  • การเปรียบเทียบคำค้นหา : เปรียบเทียบความนิยมของคำค้นหาหลาย ๆ คำพร้อมกัน เพื่อดูว่าคำไหนได้รับความนิยมมากกว่า
  • เทรนด์ที่กำลังมาแรง : แสดงคำค้นหาที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนั้น
  • ข้อมูลตามภูมิภาค : แสดงความนิยมของคำค้นหาในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค
  • ข้อมูลตามหมวดหมู่ : แยกประเภทข้อมูลตามหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น ข่าว เทคโนโลยี สุขภาพ เป็นต้น


ข้อดีของ
Google Trends 

Google Trends เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความโดดเด่นดังนี้

  • ใช้งานง่าย : อินเทอร์เฟซของ Google Trends ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ผู้ที่ไม่มีความรู้ทางด้านเทคนิคสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล หรือการสร้างกราฟเปรียบเทียบต่าง ๆ
  • ข้อมูลฟรี : หนึ่งในข้อดีที่สำคัญที่สุดของ Google Trends คือเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้ฟรี ทำให้ผู้ใช้งานทุกคนเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างสะดวก
  • ข้อมูลครอบคลุม : ข้อมูลที่ Google Trends นำเสนอนั้นครอบคลุมการค้นหาทั่วโลก ทำให้เราเห็นภาพรวมของเทรนด์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ในประเทศไทย หรือประเทศไหน ๆ
  • ปรับแต่งได้หลากหลาย : Google Trends ปรับแต่งการค้นหาได้อย่างละเอียด เช่น กำหนดช่วงเวลาที่ต้องการดูข้อมูล ระบุภูมิภาคที่สนใจ หรือเลือกหมวดหมู่ที่ต้องการวิเคราะห์ ทำให้ได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง


ข้อจำกัดของ
Google Trends

แม้ว่า Google Trends จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการเช่นเดียวกัน

  • ข้อมูลไม่ครอบคลุมทั้งหมด : ข้อมูลที่แสดงใน Google Trends อาจไม่ครอบคลุมการค้นหาทั้งหมด เนื่องจาก Google อาจกรองข้อมูลบางส่วนออกไป เช่น คำค้นหาที่ไม่เหมาะสม หรือข้อมูลส่วนบุคคล
  • ข้อมูลอาจล่าช้า : ข้อมูลที่แสดงใน Google Trends อาจล่าช้าบ้าง เนื่องจากการประมวลผลต้องใช้เวลา ดังนั้นข้อมูลที่เห็นอาจไม่ใช่ข้อมูลล่าสุดเสมอไป


วิธีใช้
Google Trends อย่างละเอียด

  • เข้าใช้งาน Google Trends

    • เปิดเว็บไซต์ : เริ่มต้นด้วยการเปิดเว็บฯ เบราว์เซอร์ เช่น Chrome, Firefox หรือ Safari จากนั้นพิมพ์ URL trends.google.com เพื่อเข้าสู่หน้า Google Trends
    • เลือกภาษา : หากต้องการให้เนื้อหาเป็นภาษาไทย คลิกที่มุมขวาบนของหน้าเว็บฯ และเลือก “ภาษาไทย” เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
  • ค้นหาคำค้นหาหรือหัวข้อ

    • กรอกคำค้น : ในช่อง “Search Term” ให้พิมพ์คีย์เวิร์ดหรือหัวข้อที่สนใจ เช่น “อาหารคลีน” หรือ “สุขภาพ”
    • กด Enter : หลังจากกรอกคำค้นหาเสร็จสิ้น ให้กดปุ่ม Enter เพื่อให้ระบบแสดงผลลัพธ์เกี่ยวกับคำค้นนั้น ๆ 
  • วิเคราะห์ข้อมูลที่แสดง

    • กราฟความนิยม
      • ดูแนวโน้มการค้นหา : กราฟนี้แสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาต่าง ๆ คำค้นนั้น ๆ ได้รับความสนใจมากน้อยแค่ไหน โดยจะมีเส้นกราฟที่ชี้ไปยังความนิยมที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง
      • ปรับช่วงเวลา : คลิกที่เมนู “Time range” เพื่อเลือกดูข้อมูลในช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น “Past hour” (1 ชั่วโมงที่ผ่านมา) หรือ “Past 5 years” (5 ปีที่ผ่านมา) 
    • แผนที่สี
      • แสดงความนิยมตามภูมิภาค : แผนที่นี้จะแสดงให้เห็นว่าแต่ละพื้นที่หรือประเทศไหนที่ค้นหาคำนี้มากที่สุด โดยใช้สีที่แตกต่างกันเพื่อบ่งบอกระดับความนิยม ช่วยให้มองเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่ไหน ซึ่งจะช่วยให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมในแต่ละภูมิภาค
    • คำค้นที่เกี่ยวข้อง
      • แสดง “Related Topics” และ “Related Queries” ซึ่งเป็นคำค้นที่เกี่ยวข้องกับคำค้นหลัก
      • ข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้สร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องหรือใช้ทำ SEO เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
  • ปรับแต่งการค้นหา

    • เลือกช่วงเวลา
      • การเลือกช่วงเวลาค้นหาช่วยให้เห็นภาพรวมของแนวโน้มในช่วงเวลาต่าง ๆ เช่น ช่วงเทศกาลหรือเหตุการณ์สำคัญ 
    • เลือกหมวดหมู่
      • เลือกหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องจากเมนู “Categories” เพื่อค้นหาข้อมูลที่เฉพาะเจาะจง เช่น การเลือกหมวดหมู่ “สุขภาพ” เพื่อดูแนวโน้มที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและโภชนาการ
  • เปรียบเทียบคำค้น

    • การเปรียบเทียบคำค้น
      • เพื่อดูแนวโน้มของคำค้นที่แตกต่างกัน คลิกที่ “+ Compare” และกรอกคำค้นที่ต้องการเปรียบเทียบ เช่น “อาหารคลีน” กับ “อาหารเพื่อสุขภาพ”
      • ระบบจะแสดงกราฟเปรียบเทียบแนวโน้มของคำค้นเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน ทำให้เห็นความแตกต่างและความนิยมที่ชัดเจน
  • ใช้ข้อมูลวางแผนธุรกิจ

    • วางแผนการตลาด
      • ข้อมูลจาก Google Trends จะช่วยให้เห็นช่วงเวลาที่ค้นหาสูงสุด จึงสามารถกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทำโปรโมชันหรือแคมเปญการตลาดได้ 
      • การวิเคราะห์แนวโน้มช่วยให้ทราบถึงความต้องการของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค
    • พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่
      • ใช้ข้อมูลคำค้นที่เกี่ยวข้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า
      • การทำความเข้าใจแนวโน้มในตลาดช่วยให้ผลิตภัณฑ์ใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น
    • ปรับปรุง SEO
      • ใช้คีย์เวิร์ดที่มีแนวโน้มสูงจากผลการค้นหา ปรับปรุงเนื้อหาเว็บฯ เพจ
      • การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงตามความสนใจของผู้ค้นหาจะช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงเว็บไซต์ 


คำถามพบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ
Google Trends

1. วิธีดูว่าคนค้นหาอะไรมากที่สุดใน Google Trends 

เพียงแค่พิมพ์คำหรือหัวข้อที่คุณสนใจลงใน Google Trends แล้วดูที่ส่วน “คำค้นหายอดนิยม” คุณจะเห็นเลยว่าตอนนี้เทรนด์อะไรกำลังมาแรง

2. Google Trends ช่วยเรื่อง SEO ได้อย่างไร

Google Trends เหมือนตัวช่วยในการหาคำหลัก (Keyword) ที่คนกำลังค้นหาอยู่ เมื่อคุณนำคำเหล่านี้ไปใช้ในเนื้อหาเว็บไซต์ โอกาสที่เว็บฯ จะติดอันดับต้น ๆ ใน Google ก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

3. จะใช้ Google Trends ทำ Local SEO ได้อย่างไร

ฟีเจอร์ “แผนที่ภูมิภาค” ใน Google Trends จะบอกว่าแต่ละพื้นที่มีความสนใจด้านใดบ้าง สามารถนำข้อมูลนี้ไปปรับใช้กับการทำการตลาดในท้องถิ่น เช่น เปลี่ยนเนื้อหาให้เข้ากับความสนใจของคนในแต่ละพื้นที่

หน้า Google Trends

ใช้ Google Trends อย่างไรให้ธุรกิจเติบโตและสินค้าขายดี 

Google Trends คือเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักการตลาดที่ต้องการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทรนด์ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี นอกจากเทคนิคการใช้งานที่เราได้แนะนำไปแล้ว การนำข้อมูลจาก Google Trends ไปผสานกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น Google Analytics ยังจะช่วยให้คุณเห็นภาพพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ชัดเจนและทำการตลาดได้แม่นยำยิ่งขึ้นด้วย

สำหรับผู้ประกอบการท่านใด ที่อยากใช้ Google Trends ขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตและสร้างรายได้มากกว่าเดิม ทีม Primal พร้อมให้คำปรึกษา เราคือเอเจนซีการตลาดชั้นนำของเมืองไทย ที่เชี่ยวชาญการใช้ข้อมูล พัฒนาแคมเปญของลูกค้าให้ประสบความสำเร็จท่ามกลางคู่แข่ง เรามีบริการครบวงจร เช่น การทำ SEO เพื่อปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหา การทำโฆษณาผ่าน Google ที่ช่วยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจ

 อย่ารอช้า ! กรอกรายละเอียดด้านล่างเพื่อปรึกษากับทีมกลยุทธ์ของเราได้เลยตอนนี้