Click-through Rate หรือ CTR คืออะไร สำคัญต่อธุรกิจอย่างไร

เชื่อว่าเหล่านักการตลาดหรือผู้ประกอบการทั้งที่ประสบความสำเร็จแล้ว และทั้งที่ยังกำลังปลุกปั้นธุรกิจให้เป็นที่รู้จักอยู่ คงไม่มีใครไม่รู้จักการยิงแอด หรือการโปรโมตแบรนด์ผ่านการทำคอนเทนต์โฆษณา เพราะในยุคที่การตลาดดิจิทัลกำลังเฟื่องฟูเช่นนี้ การซื้อพื้นที่โฆษณาออนไลน์เพื่อยิงไปยังกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Ads, Instagram Ads, TikTok Ads หรือ Google Ads ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness) สร้างยอดขาย ตลอดจนทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้

กระนั้น คนที่ทำการตลาดในลักษณะนี้ก็น่าจะเคยเกิดคำถามว่า แล้วเราจะใช้อะไรเป็นตัวชี้วัดว่าโฆษณาที่เรายิงไปนั้นมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน บทความนี้จึงจะมาแนะนำตัวชี้วัดที่เรียกว่า “CTR หรือ Click-through Rate” ว่าเกี่ยวอะไรกับการทำโฆษณา และสำคัญต่อธุรกิจของเราอย่างไร

CTR ควรอยู่ที่เท่าไร

CTR คืออะไร

Click-through Rate หรือ CTR คือ อัตราการคลิกต่อจำนวนการมองเห็น เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการดูอัตราการคลิกโฆษณาหรือเว็บไซต์ ต่อจำนวนการมองเห็นของผู้ใช้งานทั่วไปบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งเราสามารถดูค่า CTR ได้ที่แดชบอร์ดของบัญชีที่ใช้ยิงโฆษณาได้เลย ยิ่งค่า CTR สูง ยิ่งแปลว่าคอนเทนต์หรือโฆษณาของเรามีความน่าสนใจ เมื่อถูกพบเห็นแล้วทำให้ผู้ใช้งานมีความรู้สึกอยากจะคลิกเข้ามาดูรายละเอียด โดยค่า CTR มีวิธีการคำนวณ ดังนี้

CTR (Click-through Rate) = (จำนวนการคลิก / จำนวนการแสดงผล) x 100

ตัวอย่างเช่น หากเรายิงโฆษณาตัวหนึ่งออกไปแล้ว โฆษณานั้นถูกแสดงผล (Impressions) ไปทั้งสิ้น 200 ครั้ง แล้วมีการคลิกเกิดขึ้นทั้งหมด 10 ครั้ง แปลว่าค่า CTR ของโฆษณาตัวดังกล่าวจะเท่ากับ (10/200) x 100 = 5% นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงจะบอกว่ายิ่งค่า CTR สูงยิ่งดี แต่ความจริงแล้ว อัตราการคลิกจะสูงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับคีย์เวิร์ดและการวางแผนโฆษณาในแต่ละแคมเปญด้วย ดังนั้น ค่าเฉลี่ยของ CTR ที่เหมาะสมของธุรกิจแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันไป และที่สำคัญ อันดับของโฆษณาที่แสดงผลในหน้าการค้นหานั้น ถือเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้ค่า CTR สูงหรือต่ำก็ได้

 

ความสำคัญของค่า CTR คืออะไร

ในการผลิตโฆษณาหรือคอนเทนต์ชิ้นหนึ่ง ๆ เราจำเป็นต้องใช้ต้นทุนทั้งเงินและระยะเวลาในการดำเนินงาน กว่าจะปล่อยให้โฆษณาเผยแพร่ออกไปในวงกว้างได้ ดังนั้น จะดีกว่าไหมหากเราได้รู้ว่าสิ่งที่เราลงทุนลงแรงทำไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่

ค่า Click-through Rate หรือ CTR คือ ตัวชี้วัดที่จะช่วยให้เรารู้ว่าโฆษณาที่ยิงไปมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน มียอดคนคลิกเท่าไร เพื่อให้เราสามารถนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนาแผนการตลาดต่อได้ทันที ไม่เพียงเท่านั้น ค่า CTR ยังบอกผลลัพธ์ในส่วนอื่น ๆ ได้อีก เช่น อัตราการคลิกดูอีเมล หรืออัตราการคลิก Call to Action ที่เราใส่ไว้ใน Landing Page เป็นต้น

นอกจากนี้ เรายังสามารถนำค่า CTR มาใช้ในการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย เช่น หากเราทำโฆษณา แล้วพบว่ามีค่า Click-through Rate น้อย ก็อาจตีความได้ว่าโฆษณาของเรายังไม่น่าดึงดูดพอ หรือไม่ก็เป็นไปได้ว่าคนที่เห็นโฆษณาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงของเรา ด้วยประโยชน์ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ค่า CTR คือปัจจัยที่มีความสำคัญไม่แพ้ตัวชี้วัดอื่น ๆ เลย

 

ตัวอย่างการวิเคราะห์ค่า CTR สำหรับโฆษณาแต่ละช่องทาง

ในส่วนนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ค่า CTR สำหรับโฆษณาในแต่ละช่องทางที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นตัวอย่างให้ทุกคนรู้ว่า CTR ทำงานสัมพันธ์กับ Ads Rank หรือคะแนนที่จะนำมาจัดลำดับโฆษณาของเราอย่างไร

ค่า CTR ในการโฆษณา Facebook Ads

ค่า CTR สำหรับ Facebook Ads เป็นส่วนที่ทำให้เราได้เห็นผลลัพธ์จากการทำโฆษณาบน Facebook ว่ามีอัตราการคลิกเท่าไร สามารถดึงดูดผู้ชม และยิงได้ตรงตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้มากน้อยแค่ไหน

โดยทั่วไปแล้ว ค่า CTR สำหรับ Facebook Ads นั้น เราสามารถเข้าไปเช็กดูที่หลังบ้าน Facebook Business Manager แล้วดูค่าเฉลี่ย CTR ของโฆษณาทุกตัวที่กำลังรันอยู่ได้เลย ซึ่งหากโฆษณาตัวไหนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ให้ตีความว่าโฆษณานั้นยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ และต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน โดยเราอาจกลับมาย้อนดูว่าโฆษณาตัวดังกล่าวมีจุดบกพร่องตรงไหน ทั้งในเรื่องของอาร์ตเวิร์กและแค็ปชัน จากนั้นค่อยมาวิเคราะห์ พร้อมทั้งปรับแต่งไปทีละจุด เช่น

  • การปรับ Copywriting – ในการเขียน Copywriting ให้น่าดึงดูดนั้น จะมีเทคนิคหลากหลายรูปแบบมาก ขึ้นอยู่กับว่าภาพลักษณ์แบรนด์ของเราเป็นอย่างไร และต้องการสื่อสารออกไปในโทนไหน เช่น อาจเป็นการเล่นกับกระแสไวรัล อย่างการยกวลีฮิตต่าง ๆ ที่คนในโซเชียลฯ ชอบใช้มาใส่ใน Copywriting หรือการยกข้อดีของสินค้าหรือบริการของเรามาพูดตั้งแต่พารากราฟแรก ก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าใจในวัตถุประสงค์ของการโฆษณามากขึ้น และมีโอกาสเพิ่ม CTR ได้
  • การปรับอาร์ตเวิร์ก – แนะนำว่าให้ลองมองจากมุมลูกค้าดู ว่าถ้าเราเป็นคนซื้อ เราจะอยากรู้อะไรเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนี้ ตลอดจนอยากจะได้อะไรกลับมาบ้าง และนำสิ่งเหล่านั้นมาสื่อสารผ่านอาร์ตเวิร์กให้ออกมาเด่นชัดและครบถ้วน
  • การปรับ Call to Action (CTA) – การเขียนคำที่จะกระตุ้นให้เกิด Conversion อาจต้องทำให้น่าดึงดูดมากกว่าเดิม และที่สำคัญต้องสั้น กระชับ เข้าใจง่าย

ค่า CTR ในการโฆษณา Google Ads

ในการวิเคราะห์ค่า CTR ของ Google Ads นั้น อันดับแรก เราต้องทำความเข้าใจเรื่อง Google Ads ก่อน กล่าวคือ ผู้ใช้งานส่วนมากที่ใช้ Google ก็เพื่อต้องการหาคำตอบในการแก้ปัญหาอะไรบางอย่างแก่ตนเอง ดังนั้น วิธีการที่จะช่วยเพิ่ม CTR สำหรับ Google Ads คือ การใช้คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของเรากำลังค้นหาข้อมูลอยู่ เช่น

  • หากกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาบริษัทรับทำ SEO คำที่ใช้ในการโฆษณาอาจเป็น “รับทำ SEO ติดหน้าแรก เห็นผลลัพธ์ภายใน 90 วัน”
  • หากกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาคอนโดติดรถไฟฟ้า คำที่ใช้ในการโฆษณาอาจเป็น “คอนโดติด BTS ทำเลสวย สะดวกสบาย”
  • หากกลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาร้านอาหารย่านชิดลม คำที่ใช้ในการโฆษณาอาจเป็น “ร้านอาหารเจ้าเด็ดย่านชิดลม บรรยากาศดี” เป็นต้น

จากผลสำรวจ พบว่า ตำแหน่งของเว็บไซต์ที่ทำ Google Ads แล้วอยู่ในอันดับหนึ่งบนหน้าแรก จะได้ค่า CTR สูงกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับสองและอันดับที่ต่ำกว่านั้นเป็นเท่าตัว ดังนั้น หากเราอยากจะไต่แรงก์การทำ Google Ads ให้ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่ง ก็จะขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ได้แก่ CPC Bid หรือ Cost Per Click (ราคาต่อคลิก) และ Quality Score (คะแนนคุณภาพของโฆษณาที่ออนแอร์อยู่) 

CTR ย่อมาจากอะไร

ค่า CTR ในการโฆษณา Email Marketing

จากการศึกษาของ SuperOffice SRM พบว่า การจะทำโฆษณา Email Marketing ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ค่า CTR คือตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุด เพราะโฆษณา Email Marketing ที่ดี ต้องเริ่มจากการที่มีคนเปิดหรือคลิกเข้ามาดูอีเมลของเราก่อน ซึ่งการคิดค่า CTR สำหรับ Email Marketing จะอิงตามจำนวนของอีเมลที่เราได้ส่งออกไป โดยมีสูตรการคิดดังนี้

Email CTR = (จำนวนคลิก / จำนวนอีเมลที่ส่งออก) x 100

ทั้งนี้ หากเราลองคำนวณตามสูตรดังกล่าวแล้วพบว่ามีอัตราการคลิกที่ต่ำไป หรืออยากปรับปรุงให้ดีขึ้น แนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนการตั้งชื่อหัวข้ออีเมล รวมถึงคำอธิบาย (Description) ของอีเมลฉบับนั้น ๆ ด้วย เพราะองค์ประกอบเหล่านี้ถือเป็นจุดแรกที่จะทำให้ผู้รับรู้สึกสนใจในเนื้อหาของอีเมลและคลิกเข้ามาอ่าน ที่สำคัญ ต้องอย่าลืมออกแบบเนื้อหาข้างในให้น่าดึงดูด อธิบายสั้น กระชับ และมี CTA ให้ผู้รับสามารถคลิกเข้าไปยังปลายทางที่เราต้องการได้อย่างชัดเจน เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยเพิ่ม CTR ให้กับการทำ Email Marketing ของเราได้โดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท

ค่า CTR สำหรับ SEO

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้อันดับ SEO ของเว็บไซต์เราขยับขึ้นได้ก็คือค่า CTR นี่เอง โดยค่า CTR ของการทำ SEO เราสามารถดูได้จาก Google Search Console โดยตรง ซึ่งตัวเครื่องมือจะบอกเราว่าเว็บไซต์มีจำนวนการถูกมองเห็นเท่าไร มียอดการค้นหามากแค่ไหน และอัตราการคลิกเยอะหรือน้อยเพียงใด

สำหรับการทำ SEO นั้น ยิ่งมีค่า CTR สูง ยิ่งหมายความว่าเราสามารถทำคอนเทนต์ออกมาได้น่าสนใจ จนทำให้ผู้ใช้งานที่เซิร์ชหาคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับสิ่งที่เราเขียน เห็นหัวข้อของเราแล้วรู้สึกอยากจะคลิกเข้ามาอ่าน ในทางกลับกัน หากคอนเทนต์ไหนมีค่า CTR ต่ำ ก็แปลว่าเราอาจยังเขียนหัวข้อเรื่องได้ไม่น่าดึงดูด หรือ Meta Description ยังอธิบายได้ไม่ดีพอ และเช่นเดียวกันกับค่า CTR ของ Google Ads คือ เว็บไซต์ที่อยู่ด้านบนสุดจะมีค่า CTR สูงกว่าเว็บไซต์ที่อยู่อันดับต่ำกว่าเสมอ ดังนั้น หากเราได้อยู่อันดับที่หนึ่ง ก็แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Traffic) ที่เยอะขึ้น รวมไปถึงโอกาสที่จะได้ Leads, Conversion และข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ทำ Remarketing ก็จะยิ่งเพิ่มตามไปด้วย

อย่างไรก็ดี หากใครเช็กค่า CTR ของเว็บไซต์แล้วพบว่ายังต่ำอยู่ แนะนำให้ลองปรับเปลี่ยน Title Tags และ Meta Description ให้น่าดึงดูดมากขึ้น เพราะหากเป็นประโยคที่ทำให้ผู้พบเห็นสะดุดตา ก็จะช่วยให้พวกเขารู้สึกอยากคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเราเพื่อดูรายละเอียดอื่น ๆ ต่อ

 

สรุป

จะเห็นได้ว่า CTR คือ ตัวชี้วัดที่สำคัญมากในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจทุกประเภท เพราะ CTR จะช่วยให้เราสามารถนำข้อมูลไปปรับปรุงกลยุทธ์ของตนเองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยที่นักการตลาดทุกคนต้องศึกษาและทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่เช่นนั้น อาจทำให้ช้ากว่าคู่แข่งไปหลายก้าวได้

หากอยากเพิ่มอัตราการคลิกให้เว็บไซต์หรือโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แต่ไม่มีเวลา หรือไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน Primal Digital Agency บริษัทรับทำการตลาดชั้นนำของไทย ยินดีให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทุกราย พร้อมออกแบบแผนการตลาดที่เหมาะสำหรับธุรกิจของลูกค้าโดยเฉพาะ ติดต่อเราเพื่อรับคำปรึกษาได้เลยวันนี้